เบนซ์ พร้อมรบ ‘อีวี’ เปิดตัวปีนี้ 6 รุ่น เผยโฉมเรือธง EQS
ล่าสุดเปิดตัว EQS แฟลกชิพ รุ่นใหม่ ด้าน EQA ยอดจองทั่วโลกทุลุ 20,000 คัน ส่วนตลาดรวมไตรมาสแรก ยอดขาย 590,999 คัน ฝ่าโควิด-19 เติบโต 22.3%
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เยอรมนี ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผลประกอบการไตรมาสแรก 2564 สามารถสร้างยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกได้ 590,999 คัน เพิ่มขึ้น 22.3%จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แม้ว่าทั่วโลกจะอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในไตรมาสแรกเป็นผลมาจากคามสำเร็จในตลาดประเทศจีนและสหรัฐ รวมถึงความต้องการที่สูงขึ้นอย่างมากในกลุ่มรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรื อีวี (EV)
- ตลาดยุโรป ยอดขาย 25% ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ สมาร์ท เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน (xEV) ไม่ว่าจะเป็น PHEVหรือ EV
- ตลาดโลกรถยนต์กลุ่ม xEV มีสัดส่วน 10%ของยอดขายทั้งหมด หรือประมาณ 59,000คัน
- เฉพาะ EV ในตลาดโลก มีจำนวน 16,000 คัน
ทั้งนี้ช่วงเดือน มกราคม ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว EV รุ่น EQA ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดทั่วโลก โดยขณะนี้ มียอดจองแล้วประมาณ 20,000คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นปีสำหรับแบรนด์ เมอร์เซเดส-อีคิว (Mercedes-EQ) ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์
บริตตา ซีเกอร์ กรรมการในคณะกรรมการบริหารเดมเลอร์ เอจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์เอจี ซึ่งกำกับดูแลงานด้านการตลาดและการขายกล่าวว่า EQA มีกำหนดส่งมอบปลายเดือนมีนาคม 2564
และที่น่าสนใจมากกว่าการประสบความสำเร็จของ EQA และการเปิดตัว EQS หรือ เอส-คลาส ในภาคไฟฟ้า สดๆ ร้อนๆ วันนี้ (16 เมษายน 2564) นั่นก็คือ แผนการรุกตลาด อีวี ครั้งใหญ่ในปีนี้
“นอกเหนือจากรถยนต์รุ่น EQS, EQB และ EQE เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในปี 2564โดยเปิดตัวรถในกลุ่มรถไฟฟ้าใหม่อีก 3 รุ่น รวมเป็น 6 รุ่น”
บริตตา ซีเกอร์ ระบุว่า สำหรับรุ่นล่าสุดที่เปิดตัว คือ EQS นั้น EQS จะเป็นรถยนต์รุ่นแฟลกชิพ ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกจะชื่นชอบ และจะเป็นรุ่นที่พลิกประสบการณ์การขับขี่ รวมถึงเรื่องการเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
EQS สามารถในการใช้งานระยะทางสูงสุด 770 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ด้วยแบตเตอรี ขนาดความจุ 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ทั้งนี้ EQS จะมี 2 รุ่นย่อย เริ่มจาก EQS450+ ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุ 245 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 328 แรงม้า และ EQS 580 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 385 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 516 แรงม้า
ส่วนอัตราสิ้นเปลือง EQS 450+ 19.1–16.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง /100 กิโลเมตร ส่วน EQS 580 4MATIC: 20.0–16.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง /100 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์จะยังคงขยายการเติบโตและสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าด้วยการนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่หลากหลายรวมแล้วราว30 รุ่นจนถึงสิ้นปีนี้