ฮอนด้า 'ซีวิค ใหม่' ถูกใจสายสปอร์ต ไม่ทอดทิ้ง สายนุ่มนวล

เสียงตอบรับของผู้บริโภค หลังการเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่น 11  เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2664 ที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องของรูปทรงการออกแบบ ที่ก่อนหน้าจะเปิดตัวหลายคนที่เห็นภาพจากทางออนไลน์แล้วรู้สึกว่า ชอบตัวเก่ามากกว่า แต่เมื่อเห็นตัวจริง หลายคนก็เปลี่ยนใจ

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เรื่องความสวยความงาม เป็นเรื่อของแต่ละบุคคล ความเห็นไม่เหมือนกัน ความชอบต่างกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก

ส่วนตัวผมเอง ชอบนะ คิดว่าดูเรียบง่าย สุขุมขึ้น แต่ก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์สปอร์ต โดยเฉพาะมุมมองด้านหน้าที่ดูดุดัน โคมไฟหน้าเรียวเล็ก และเหมือนคนหลุบตาลงต่ำ ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

เส้นสายด้านข้างดูได้บุคลิกจากโฉมเดิมไม่น้อย ขณะที่ด้านท้ายเปลี่ยนแนวคิดจากตัวเดิมค่อนข้างชัดเจน ดูเรียบง่ายขึ้น แต่ซ่อนรายละเอียดไว้ภายใน เช่นเส้นสายของไฟท้ายที่ดูสวยงามยามค่ำคืน

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย  ได้แก่

• รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
• รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
• รุ่น EL ราคา 964,900 บาท

แต่วันนี้ผมจะชวนมาคุยกันถึง ซีวิค อาร์เอส (Civic RS) ซึ่งเป็นรุ่นที่ผมลองขับวันนี้

แน่นอนว่า RS มีออปชั่นที่มากกว่าอีก 2 รุ่น แต่ในด้านเทคนิค สิ่งที่แตกต่างไป ก็คือ การมีโหมดขับขี่ 3 โหมดให้เลือก คือ ECON, Normal และ Sport ส่วนอีก 2 รุ่น มีแค่ ECON, Normal

และขนาดล้อและยาง โดย RS ใช้ยางขนาด 215/50 R17 ส่วนอีก 2 รุ่นใช้ขนาด 215/55 R16

เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน คือ1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO  4 สูบ 16 วาล์ว

• กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบ/นาที

ถ้าเทียบกับตัวเดิม มีกำลังเพิ่มขึ้น 5 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้น 20 นิวตันเมตร ส่วนหนึ่งเป็นผลมมาจากการปรับเทอร์โบ ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้เร็วขึ้น ทำให้การเผาไหม้ทำได้รวดเร็วขึ้น

ผลที่ได้ออกมาเห็นความต่างครับ ซึ่งซีวิคโฉมเดิม เจเนอเรชั่นที่ 10 ที่เพิ่งจะตกรุ่นไปหมาดๆ ในรุ่น 1.5 เทอร์โบ เชื่อว่าใครที่ได้ขับมัน ก็คงรู้สึกขอบอารมณ์ของเครื่องยนต์ที่ทำงานได้ดี ขับสนุก

แต่ตัวใหม่ ดีขึ้นไปอีก การตอบสนองทำได้รวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนความเร็วอย่างรวดเร็ว เพื่อการเร่งแซง แรงบิดช่วยให้อัตราเร่งมาได้เร็ว แซงได้เร็วไม่ต้องลุ้น เพิ่มความคล่องตัวในการ โดยเฉพาะเส้นทางถนน 2 เลน สวนทาง

ส่วนการไล่ความเร็ว หรือการทำความเร็วนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ทำได้ไม่ยาก

ถ้าถามว่า เมื่อต้องการเพิ่มความเร็วอย่งรวดเร็ว กดคันเร่งลงไปหนักๆ มีจังหวะหน่วงหรือว่า ดีเลย์ ไหม ก็ต้องตอบว่ามีครับ แต่มันมีในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่ทำให้เรารู้สึกสะดุด หรือ ทำให้การขับขี่ผิดจังหวะแต่อย่างใด

เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งดี ทำความเร็วได้ แล้วช่วงล่างไปด้วยกันได้ไหม ตอบว่าได้ครับ

การขับขี่บนทางหลวง ด้วยความเร็วพอควร รถนิ่ง ไม่วอกแวก ทำให้การควบคุมพวงมาลัย ทำได้สบายๆ จับแค่เบาๆ มือ ประคองๆ เท่านั้น

และเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (ซึ่งต้องทำบ่อย) บนทางหลวง ทางพิเศษ ขนาดใหญ่สีห้าเลน เพราะมีรถเกะกะขวางทาง อยู่ไม่ถูกช่องทาง แช่เลนไหนก็เลนนั้น โดยไม่ดูความเร็วรถตัวเอง และรถคันอื่น ช่วงล่างของซีวิคใหม่ ก็ทำได้ดีรองรับการเปลี่ยนช่องทางไปมาที่ความเร็วค่อนข้างสูงได้ดี

และเมื่อการเดินทางถึงช่วงถนน รังสิต-นครนายก มีบททดสอบใหม่เพิ่มเข้ามาคือ การดูดซับแรงสั่นสะเทือน เพราะมีหลายจุดที่ถนนเป็นร่องเป็นคลื่น ขรุขระ ซึ่งตรงนี้สายนุ่มคงจะชอบครับ ซีวิค เก็บงานละเอียดกับสภาพถนนเช่นนี้ ทำให้นั่งสบาย

ที่ผมชอบอีกอย่างคือ จังหวะการขึ้นสะพานที่มีอยู่มากมาย และเป็นลักษณะขึ้นแบบชันๆ จากนั้นยอดสะพานตัดเรียบทันที ไม่ได้โค้งต่อเนื่อง จังหวะนี้ที่ชอบก็คือ เมื่อแรงโน้มถ่วงโลกดึงรถให้ลงมาจากการทะยานขึ้นไปจากกำลังเครื่องยนต์ รถจะมีจังหวะยุบตัว 1 ครั้ง จากนั้นก็เข้าสู่อาการปกติ ไม่มีจังหวะกระเด้งต่อเนื่อง 2 ครั้ง 3 ครั้ง แต่อย่างใด

จากนั้นผมพา RS ไปเยี่ยมชมธรรมชาติของเขาใหญ่ เพราะอยากรู้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถกับเส้นทาที่โค้งไปโค้งมา ช่วงล่างจะไหวไหม พวงมาลัยที่ดูนิ่งๆ ในถนนหลวง จะรับกับเส้นทางแบบนี้ได้แค่ไหน

ถนนธนะรัชต์ ที่ตัดผ่านเข้าใหญ่ เป็นเส้นทางที่สวยงาม แต่ก็ไม่ควรใช้ความเร็วสูงเกินไป ซึ่งทางอุทยานกำหนดไว้ 60 กม./ชม. แต่เชื่อผมเถอะครับ ความเร็วเท่านี้ก็สามารถเรียนรู้อาการของรถได้ ไม่ใช่ทางตรง แต่เป็นทางโค้ง

ถนนแคบๆ 2 เลน สวนทาง แต่ละเลนกว้างกว่าตัวรถไม่มาก และมีโค้งลึกๆ หลายโค้ง เชื่อเถอบางครั้งใครมาความเร็ว 60 ยังต้องเบรกก่อนเข้าโค้ง

องค์ประกอบที่เสริมเข้ามาอีกอย่างคือ ช่วงนี้ฝนชุก เพิ่มความเปียกลื่นบนถนนเข้าไปอีก

และทีสำคัญกว่านั้นคือหลายช่วงที่ร่มครึ้ม จะพบว่าผิวถนนชื้นตลอดเวลา ดูด้วยสวยตาผมว่ามันน่าจะมีความลื่นมากกว่าถนนปกติอยู่นิดๆ

เส้นทางหล่านี้ผมได้คำตอบว่า ซีวิค RS รับมือได้ไม่ยาก การยึดเกาะถนนทำได้ดี ไม่มีอาการลื่นไถล หรือหน้าดื้อโค้ง และต้องชมอีกอย่างคือ ความแม่นยำของพวงมาลัย ทำให้การควบคุมรถทำได้ง่าย

อาจจะรู้สึกเบาๆ ไปบ้าง ถ้าเทียบกับรถบางรุ่นที่เน้นอารมณ์สปอร์ตโดยเฉพาะ แต่การที่มันมีความแม่นยำ ก็ช่วยให้การควบคุมรถไม่เครียด

ส่วนช่วงล่างที่รับมือกับเส้นทางเหล่านี้ได้ดีนั้น ถ้าถามว่าไม่มีอาการไถล หน้าดื้อ แล้วมันมีอาการโยนบ้างไหม ตอบว่ามีนิดหน่อยครับให้พอรู้สึกได้ แต่ไม่สร้างปัญหาในการขับขี่

ถ้าให้สรุปรวม ผมว่า ซีวิค ใหม่ เป็นการจูนความต้องการของ 2 กลุ่มมารวมกัน คือ ความนุ่มสบาย กับสายสปอร์ต เป็นรถที่ตอบสนองอารมณ์ขับขี่แบบสปอร์ตได้ดี แต่ก็ได้ความนุ่มสบายมาด้วยในตัว ซึ่งในอดีต หลายคนอาจบอกว่า 2 เส้นทางนี้มันไปด้วยกันไม่ได้ แต่เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยได้

ดังนั้นถ้าผู้ขับชอบสปอร์ต แต่คนที่บ้านที่นั่งไปด้วย ไม่ชอบความกระด้าง สะเทือน ผมว่า ซีวิค ใหม่ เป็นหนึ่งในคำตอบที่ลงตัวครับ