มิตซูบิชิ เพิ่มสีใหม่ เอ็กซ์แพนเดอร์ 'แพชชั่น เรด เอดิชั่น'

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นหนึ่งในรถยอดนิยม เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของมิตซูบิชิเมื่อครั้งเปิดตัวเลยทีเดียว ที่ยอดจองมากกว่าซัพพลาย ทำให้ลูกค้าต้องรอรับรถเป็นเวลานาน โดยที่มิตซูบิชิเอง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะเป็นรถนำเข้าจากฐานการผลิตเพื่อนบ้านอาเซียนของเรา คือ อินโดนีเซีย

ปัญหาก็คือ ที่อินโดนีเซีย เอ็กซ์แพนเดอร์ ก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน ซึ่งโดยปกติที่นั่นก็นิยมรถในแนวเอสยูวี หรือ เอ็มพีวี ขนาดเล็ก หรือคอมแพคท์ ราคาไม่แรงมากอยู่แล้ว และก็ต้องยอมรับ ตัวรถเอง ทั้งการออกแบบหรือฟังก์ชั่นต่างๆ ค่อนข้างตรงใจผู้บริโภค ทำให้ยอดขายสูงกว่าที่วางแผนผลิตเอาไว้ จนเกิดเหตุเลื่อนการเปิดตัว เลื่อนการส่งออกในหลายประเทศ

ตลาดบ้านเราก็เลื่อนเช่นกัน และเมื่อเปิดตัวแล้ว รถก็มีไม่เพียงพอ ซึ่งจะเรียกว่ามิตซูบิชิเสียตลาดในช่วงแรกก็ได้

ปัจจุบัน ความนิยมของ เอ็กซ์แพนเดอร์ ก็ยังมี แต่แน่นอนไม่ร้อนแรงเท่าช่วงแรก ทั้งคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งอายุรถ ทั้งภาพรวมตลาด เศรษฐกิจ รวมถึงการแพร่ระบาดของ โควิด-19

ช่วงนี้มิตซูบิชิ ออกมาสร้างความเคลื่อนไหว สร้างสีสันให้กับ เอ็กซ์แพนเดอร์ ด้วยการเพิ่มสีใหม่ จัดจ้านทีเดียว นั่นคือสีแดง “แพชชั่น เรด เอดิชั่น” ในโอกาสฉลองการครบรอบ 60 ปี การดำเนินธุรกิจในไทย

เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นรถที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนตื เอ็มพีวี ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก เดือนสิงหาคม 2561

ถึงปัจจุบัน เอ็กซ์แพนเดอร์ ทุกรุ่น มียอดจำหน่ายสะสมรวมกันมากกว่า 38,000 คัน

สำหรับสีแดงที่นำมาร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปีนั้น เพราะสีแดงเป็นสีประจำบริษัท

เอ็กซ์แพนเดอร์ แพชชั่น เรด เอดิชั่น พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่น จีที โดยมีความแตกต่างเช่น ที่สัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่ด้านข้างและที่ล้ออัลลอย

ภายในมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ซองใส่กุญแจ พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี

 

ส่วนออปชั่นหลักๆ ที่มีอยู่แล้ว ทั้งเกี่ยวกับความสะดวกสบาย การขับขี่ ความปลอดภัย เช่น

• เบาะนั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว
• หัวเกียร์หุ้มหนัง พวงมาลัยหุ้มหนังสามารถปรับระดับสูง-ต่ำ และปรับเข้า-ออกได้
• กุญแจ KOS
• ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
• ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 3 ตำแหน่ง
• ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ
• จอภาพระบบสัมผัส พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี
• จอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลแบบภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
• ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL)
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
• ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
• ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
• ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
• ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด
• ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า

ทั้งนี้สำหรับรุ่นพิเศษนี้ มิตซูบิชิระบุว่า ลูกค้าที่ซื้อจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน โดยการสมทบเงินจำนวน 2,000 บาท/คัน ให้แก่องค์กรการกุศล 3 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ, มูลนิธิรามาธิบดีฯ และมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ส่วนแคมเปญสำหรับลูกค้าก็มีเช่นกัน สำหรับรถทุกรุ่น คือฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน โดยจะมีรางวัลคือ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล และรางวัลอื่นๆ เช่น ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท