ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ประหยัด หรือ สนุก ...เลือกเอา
ฮอนด้า แอคคอร์ด ปรับปรุงรายละเอียด เติมความสดเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นตลาด เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับกลุ่ม ดี-เซ็กเมนต์ แต่จริงๆ แล้ว สำหรับไฮบริด หรือ อี:เอชอีวี (e:HEV) ก็เป็นรถที่มีจุดขายในตัวที่น่าสนใจอยู่แล้ว
ปีนี้แม้วาตลาดรถยนต์จะไม่ดีนัก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ รายได้ กำลังซื้อผู้คน แต่ว่าในส่วนของยอดขายฮอนด้า ดูน่าสนใจทีเดียว อย่างเช่นตลาดรถยนต์ที่ผ่านไป 7 เดือน ติดลบ 0.9% และเฉพาะเดือน ก.ค. ติดลบ 9.8% แต่ฮอนด้ามียอดขาย 7 เดือน เติบโต 7.3% และยอดขายในเดือน ก.ค.ขยายตัว 16.3%
ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับรถตัวเก่งอย่าง ฮอนด้า ซิตี้ ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวปลายปี 2562 และจากนั้นก็มีรุ่นย่อยเสริมเติมเข้ามา ทั้งตัวทั้งแฮทช์แบค ทั้งเทคโนโลยีไฮบริด ที่เรียกว่า อี:เอชอีวี
และล่าสุด ฮอนด้าก็ประสบความสำเร็จอย่างดีกับ ซีวิค เจเนอเรชั่น 11 ที่หลังจากเปิดตัวไป 1 เดือน ก็กวาดยอดจองแล้วกว่า 3,000 คันทีเดียว
เรียกว่าตลาดอีโคคาร์ รวมถึงซับคอมแพคท์ และ ตลาดคอมแพคท์ ฮอนด้าเดินได้ด้วยดี
แต่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นมา ดี-เซ็กเมนต์ ที่ปัจจุบันในตลาดแมสมีทำตลาดอยู่แค่ ฮอนด้า แอคคอร์ด กับ โตโยต้า คัมรี่ นั้น แอคคอร์ดยังมียอดขายสู้คัมรี่ไม่ได้
ล่าสุดฮอนด้าจัดการปรับปรุงแอคคอร์ดเสียใหม่ และก็คงคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
แต่ก็คงไม่ง่ายนัก ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นเพราะตลาดกลุ่ม ดี-เซ็กเมนต์ มีขนาดที่ไม่ใหญ่นัก
ฮอนด้า แอคคอร์ด มี 3 รุ่น ย่อยคือ
- e:HEV TECH ราคา 1,799,000 บาท
- e:HEV EL+ ราคา 1,639,000 บาท
- EL ราคา 1,499,000 บาท
ก็จะสังเกตได้ว่า รุ่น ไฮบริดแต่เดิม เปลี่ยนชื่อเป็น อี:เอชอีวี (e:HEV) เหมือนรุ่นอื่นๆ
สำหรับการปรับปรุง แอคคอร์ดครั้งนี้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เช่น การติดตั้งระบบเด่นอย่าง ฮอนด้า เซ็นส์ซิ่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานครบทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้า เซ็นส์ซิ่ง ใช้ข้อมูลที่ได้จากเรดาร์และกล้องที่ติดอยู่ด้านหน้ารถ โดยการทำงานที่อยู่ในระบบนี้ คือ
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ทำงานเชื่อมต่อกัน ทำให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่ความเร็วสูง ความเร็วต่ำ
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) และ
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ฮอนด้าเพิ่มเติมอุปกรณ์หลายๆ อย่างเข้าไป เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดลูกค้ามากขึ้น เช่น ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบแอลอีดี ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย กระจกมองหลังเป็นแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง ช่องเชื่อมต่อยูเเอสบี 2 ตำแหน่งด้านหลังระบบเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ หรือ ฮอนด้า คอนเนคท์
ทั้งนี้ อี:เอชอีวี เป็นไฮบริดแบบ ฟูลไฮบริด ติดตั้งเครื่องยนต์แอทกินสัน-ไซเคิล 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวตัวหนึ่งทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และอีกตัวเป็นตัวขับเคลื่อนโดยส่งกำลังไปช่วยเครื่องยนต์ที่ล้อหน้า
- ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ฮอนด้าเคลมไว้ที่ 24.4 กม./ชม. ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 97 กรัม/ กม.ส่งกำลังผ่านเกียร์ อี-ซีวีที และผู้ขับสามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ 3 โหมดคือ
- โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว(EV Drive Mode)
- โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)
- โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ซึ่งโหมด EV ใช้ได้ไม่นานนัก เพระเมื่อแบตเตอรีเหลือประมาณ 20% ระบบก็จะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานทันที
จุดเด่นของ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี จากการลองขับเส้นทางกรุงเทพ-อู่ตะเภา-มาบตาพุด ก็คือความคล่องตัว ทั้งการออกตัว การเร่งแซง หรือการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยครั้ง ทั้งการชะลอความเร็ว เบรก เติมคันเร่ง ซึ่งการได้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้เรียกกำลังในจังหวะดังกล่าวมาได้รวดเร็ว
ขณะที่ช่วงล่าง ซึ่งมีความนุ่ม นั่งสบาย และจัดการกับคอสะพานได้ค่อนข้างดี ก็ยังมีจุดเด่นที่ความนิ่ง การใช้ความเร็วในการเดินทางรถทรงตัวดี ไม่ร่อยไม่ส่าย คุมรถก็แค่จับพวงมาลัยเบาๆ ผ่อนคลายๆ เท่านั้น
และเมื่อถึงคราวต้องสู้กับทางโค้ง ก็ยังจัดการได้ดี ผิดคาดอยู่เหมือนกันกับความรู้สึกว่ามันนุ่มก่อนหน้านี้ สามารถเข้า-ออกโค้งได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนหนึ่งมาจากการที่รถมีบาลานซ์ค่อนข้างดี น้ำหนักลงเพลาหน้า-หลัง ใกล้เคียงกันมาก แม้จะยังไม่ถึง 50-50 ก็ตาม แต่ก็ช่วยให้รถทรงตัว และเพิ่มความคล่องตัวได้ดี
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่เคลมไว้ 24.4 กม./ลิตร ผมทำไม่ได้ครับ อยู่ที่ระดับประมาณ 16 กม./ลิตร แต่นั่นเป็นเพราะผมเลือกที่จะดึงจุดเด่นด้านสมรรถนะของระบบไฮบริดมาใช้ มากกว่าเน้นเรื่องความประหยัดครับ