ฮอนด้า เปิดราคา เอชอาร์-วี เริ่มต้น 9.79 แสน เพิ่ม 2-6 หมื่นบาท

สำหรับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี่ (HR-V) มีจำหน่ายรวม 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย 

• e:HEV E ราคา 979,000 บาท  
• e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท 
• e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท

ซึ่งราคาดังกล่าว ขยับขึ้นจากเจเนอเรชั่น 1 โดยรุ่นเริ่มต้นเพิ่ม 3 หมื่นบาท รุ่นกลางเพิ่ม 2 หมื่นบาท และ อาร์เอส เพิ่ม 6 หมื่นบาท

แต่ทั้งนี้เจเนอเรชั่น 2 มาพร้อมระบบไฮบริด ส่วน เจเนอเรชั่น 1 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร 

ทั้งนี้ ฮอนด้า ประกาศการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี รับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงมีแคมเปญด้านการบริการอื่นๆ เช่น  โปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร 

ส่วนแคมเปญช่วงเปิดตัว ประกอบไปด้วยข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 – 31 ธันวาคม 2564 รับดอกเบี้ย 2.59% ประกันภัย 1 ปีหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCare Gen 2 สีขาว พร้อมสายรัด มูลค่า 7,080 บาท

ส่วนแคมเปญก่อนหน้านี้สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี  ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – วันที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. ซึ่งจะได้รับชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Utility Package ซึ่งมีกระบะใส่ของท้ายรถ มูลค่า 1,100 บาท แผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง มูลค่า 1,700 บาท รวม 2,800 บาท จะต้องจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 

สำหรับ เจเนอเรชั่น 2 มีบุคลิกที่แตกต่างออกไปอย่างโฉมเดิมค่อนข้างชัดเจน มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุมมากขึ้น พรีเมียมขึ้น แต่ก็เติมแต่งอารมณ์สปอร์ตเข้าไปด้วย 

ขณะที่โครงสร้างตัวถังใกล้เคียงกับโฉมเดิม

• ความยาว 4,385 มม.
• ความกว้าง 1,790 มม. 
• ความสูง 1,590 มม.
• ความยาวฐานล้อ 2,610 มม.
• ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,542 มม. ล้อหลัง 1,543 มม. 

ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม เจเนอเรชั่น 2 มียาวมากกว่า 39 มม. ความกว้างเท่าเดิม ความสูงลดลงเล็กน้อย ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น ทำให้รถถูกดูแบนเรียวขึ้น เสริมอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น

เสาเอ ด้านหน้าปรับตำแหน่งใหม่ ทำให้กระโปรงหน้าดูยาวขึ้น หลังคาด้านท้ายลาดลง แบบรถฟาสต์แบ็ค แต่เมื่อเข้าไปลองนั่ง พื้นที่ช่วงเหนือศีรษะ ยังโปร่งโล่ง พื้นที่วางเท้า พื้นที่ว่างช่วงเข่า มีเหลือเฟือ 

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ ฮอนด้า คือการปรับเบาะที่หลากหลาย ซึ่งเบาะหลังแยกพับได้ 60/40 และพับได้ทั้งแนวราบ ซึ่งพับได้ราบเรียบ ช่วยให้วางของยาวๆ สะดวก และการปรับแบบยกเบาะรองนั่นขึ้น เพื่อบรรทุกของที่มีความสูง

เจเนอเรชั่น 2 มาพร้อมกับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทุกรุ่นย่อย และเสริมออปชั่นเพื่อความสะดวกและปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) เป็นครั้งแรก ของเอชอาร์-วี

ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Brake Hold ที่พัฒนาเปิดใช้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปเมื่อใช้งานรถไม่ต้องกดซ้ำ 

และยังเป็นครั้งแรกที่ฝากระโปรงท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบคิกเซ็นเซอร์  และระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ