ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 ขับดี สะดวกใช้ ราคาไม่แรง
ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 (XL7) เป็นรถที่ต่อยอดการพัฒนามาจาก เออร์ติก้า แต่เซ็ทให้มีบุคลิกที่ต่างออกไป เพื่อแยกตลาดให้ชัดเจน และก็ดูเหมือนว่า เจ้า ครอสโอเวอร์คันนี้ จะทำได้ดีทีเดียว
รถในกลุ่ม เอสยูวี ครอสโอเวอร์ หรือ เอ็มพีวี ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเกี่ยวกับพื้นที่การใช้งาน รวมถึงความสามารถในการบรรทุกผู้คน หรือสัมภาระ
ปัจจุบัน รถในตลาดนี้มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น หลายราคา
และเมื่อมองมาที่ตลาดรถ 7 ที่นั่ง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเดินทางของผู้คน ตลาดรถที่มีราคาไม่แรงนัก ก็มีให้เลือกกันหลายรุ่นด้วยกัน รวมถึง ซูซูกิ
ซูซูกิ มีรถ 7 ที่นั่งทำตลาดในขณะนี้ 2 รุ่น เริ่มจาก เออร์ติกา ก่อนจะตามด้วย เอ็กซ์แอล 7 (XL7)
แต่เอ็กซ์แอล 7 มีความแตกต่างออกไปจาก เออร์ติกา โดยทำให้เป็นรถที่สามารถใช้งานได้สมบุกสมบันมากกว่า เรียกว่าเป็นครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง และหากเทียบกันแล้วมันมีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านหน้าตา และบุคลิก
ฝากระโปรงหน้ามีขนาดใหญ่กว่า และยกสูงขึ้น เพื่อให้ดูบึกบึนมากขึ้น ติดตั้งบังโคลน ซุ้มล้อ และแผ่นกันกระแทกใต้กันชนหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับห้องเครื่องยนต์เมื่อต้องขับขี่ในเส้นทางนอกถนน ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ
ขณะที่กันชนท้ายมาพร้อมแผ่นกันกระแทก และเพิ่มความสามารถในการใช้งานด้วยแรคหลังคา สำหรับเพื่อการบรรทุกสัมภาระ
และแน่นอนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 200 มม. เพื่อรองรับการขับขี่ในเส้นทางนอกถนนได้แบบไม่ต้องกังวล
ด้านเทคนิค ช็อค แอบซอร์เบอร์กับสปริง เป็นคนละตัวกับเออร์ติกา ตัวค้ำช็อค แอบซอร์เบอร์ และเหล็กกันโคลงที่ใหญ่ขึ้น
ซึ่งผลที่ได้มา ต้องชมครับ เซ็ตมาได้ดี แม้จะเป็นรถที่มีความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. แต่ว่ารถมีความนิ่งมาก ผู้ขับก็คุมรถได้สบายๆ ไม่เกร็ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงการเดินทางลื่นไหล หรือว่าช่วงที่ต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาบ่อยครั้ง หลบรถคันอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทุกเลนบนท้องถนน โดยไม่สนใจความเร็วของตัวเอง แต่รถก็ยังนิ่ง
รวมถึงเมื่อใช้งานในเส้นทางที่มีทางโค้งทางเนิน การเกาะถนนเรียกว่าทำให้แปลกใจไม่น้อย แม้จะมีบ้างที่มีอาการโยนของตัวถัง ด้วยความที่เป็นรถที่มีความสูง แต่ก็ไม่เกินวิสัยที่จะควบคุม
พวงมาลัยก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการที่ทำให้รถมีการขับขี่ที่ดี เพราะแม่นยำ น้ำหนักดี เสียดายแต่ว่าการปรับตำแหน่งทำได้แค่ 2 ทิศทาง คือ ขึ้นลง เท่านั้น แต่ปรับระยะใกล้ไกลไม่ได้
สำหรับภาพรวมการขับขี่ สรุปง่ายๆ คือ เป็นรถที่ขับแล้วไม่เหนื่อยครับ แม้จะต้องเดินทางนานๆ ไกลๆ
ส่วนเครื่องยนต์ใช้ตัวเดียวกันกับ เออร์ติกา แต่ปรับอัตราทดเฟืองท้ายให้เหมาสะสมกับการใช้งาน จาก 4.27 เป็น 4.37
ซึ่งหากดูการขับขี่ ก็เห็นได้ชัดว่า การตอบสนองในการออกตัว หรือจังหวะเร่งแซงมาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แม้บางย่านความเร็วอาจไม่ได้จี๊ดจ๊าดนัก แต่ก็เพียงพอ รวมถึงช่วงการปีนไต่เนิน ก็ทำได้น่าพอใจ ช่วยให้โดยรวมรถให้อารมณ์สนุก กระฉับกระเฉง
แต่แน่นอนอาจจะมีผลต่อความเร็วปลายบ้าง แต่นั่นหมายถึงต้องหยียบกันไปจนถึงความเร็วในระดับที่ไม่ค่อยได้ใช้กันนัก แต่ถ้าเป็นความเร็วระดับปกติที่ใช้กัน ประมาณ 120 หรือ 130 กม./ชม. ก็ทำได้สบายๆ
เครื่องยนต์รหัส K15B ขนาดความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
และสิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราสิ้นเปลืองสำหรับการเดินทาง 3 คน เส้นทางกรุงเทพฯ ไปเขาใหญ่ และกลับกรุงเทพฯ ซึ่งทำได้ประมาณ 15 กม./ลิตร
การลองใช้งานรถรอบนี้ ผมนั่งเป็นผู้โดยสารมากหน่อย ทั้งเพื่อลองดูความสะดวกสบาย และความจำเป็นส่วนตัว คือ ต้องนั่งทำงานตลอดทางตั้งแต่เขาใหญ่ถึงกรุงเทพฯ
แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่า การที่ต้องก้มๆ เงยๆ พิมพ์งานอยู่เบาะหลังนานๆ ก็ได้อยู่ครับ อาการมึนมีน้อย เมื่อรู้สึกว่าเริ่มมึนก็พักสายตา เงยหน้ามาชมวิวทิวทัศน์รอบข้างสักหน่อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ก็คงต้องให้เครดิตน้องคนขับด้วยส่วนหนึ่ง และตัวรถก็ต้องให้เครดิตเช่นกัน เพราะว่าการที่รถทรงตัวดี นิ่งๆ และเมื่อเบรกแล้วอาการหน้ายุบน้อย กดคันเร่งอาการหน้าเชิดน้อย ก็ช่วยได้มากครับ
และอีกสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้จากนั่งตรงนี้ ก็คือ การเก็บแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างที่ทำได้น่าพอใจ ซึ่งรวมถึงช่วงเส้นทางบางช่วงที่ลุยเข้าไปในทางดิน ทางลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เป้าหมายเพื่อดูว่าเส้นทางแบบนี้ รถสามารถลุยได้ไหม ซึ่งก็ทำได้สบายๆ ครับ
ด้านพื้นที่ในห้องโดยสาร ตำแหน่งเบาะนั่งแถว 2 ที่ผมนั่งประจำพิมพ์งานอยู่ นั่งได้สบายครับ พื้นที่กว้างขวาง โปร่งโล่ง ทั้งพื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่วางเท้า
ซึ่งเบาะนั่งเบาะแถว 2 นี้สามารถเลื่อนได้ 240 มม. เพิ่มความสะดวกในการนั่งเมื่อไม่มีผู้โดยสารแถวที่ 3 และเพิ่มความสะดวกในการเข้าออกและการนั่งของผู้โดยสารเบาะนั่งแถวที่ 3
ส่วนเบาะคู่หน้า นั่งได้สบาย กว้างขวาง เพียงแต่แต่ระยะห่างระหว่างคนขับกับผู้โดยสารด้านซ้ายอาจจะใกล้ชิดกันสักหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไร ขณะที่เบาะที่ 3 แม้จะไม่ใหญ่นัก แต่นั่งได้จริงครับ
เอ็กซ์แอล 7 ยังออกแบบมาให้ตัวรถมีความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับแบบแยกได้ ทำให้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานของห้องโดยสารได้หลากหลาย
และยังสามารถพับได้ค่อนข้างราบ ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ทั้งเรื่องของพื้นที่บรรทุก การวางสิ่งของ รวมถึงเอาของขึ้นลง ที่มีจุดให้สะดุดไม่มากนัก
ส่วนความสะดวกในการใช้งาน การควบคุมขับขี่ ความบันเทิง เช่น มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น Driving G-Force อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราแรงบิด กำลังของเครื่องยนต์ และข้อมูลอื่นๆ
ตรงกลางคอนโซลหน้า ติดตั้งจอแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล การเชื่อมต่อบลูทูธ การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้งแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี และเอชดีเอ็มไอ ช่องจ่ายไฟสำรอง 12โวลต์ 3 ตำแหน่ง
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติบริเวณห้องโดยสารด้านหน้า ส่วนมีช่องแอร์ด้านหลังเพื่อกระจายความเย็นให้กับเบาะที่นั่งแถวที่ 2และ 3
สิ่งที่เพิ่มความสะดวกในการเดินทางอื่นๆ เช่นช่องวางขวดน้ำหรือแก้วน้ำ ที่มีมาให้ 8 ตำแหน่ง โดยตำแหน่งที่คอนโซลกลางมีระบบเป่าไอเย็น เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องดื่มให้เย็นฉ่ำ แต่อย่าเผลอเอากาแฟร้อนไปวางโดยเปิดระบบอยู่ก็แล้วกัน
สรุปโดยรวม ผมว่ากับประมาณ ไม่ถึง 8 แสนบาท กับการได้รถที่ตอบสนองการใช้งานของครอบครัว เดินทางได้ 7 คน หรือคนที่ต้องการรถไว้ทำมาหากิน หรือ มีไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบเบาะได้หลากหลาย และยังให้อารมณ์การขับขี่ที่สบายใจ ไม่เครียด ไม่เหนื่อย
เอ็กซ์แอล 7 กับค่าตัว 7.79 แสนบาท น่าสนใจมากครับ