‘EQS 450+ AMG Premium’ เบนซ์ อีวี ไฟแรง อารมณ์สปอร์ตมาเต็ม
อีกไม่นานแล้วที่ลูกค้าคนไทย จะมีโอกาสได้ขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ อีวี EQ ซับแบรนด์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีแผนทำตลาดรุ่นแรกในไทย คือ EQS
EQS ถูกวางตัวให้เป็น แฟลกชิป โมเดล ฝั่งพลังงานไฟฟ้า ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มาก เมื่อเปิดตัวออกสู่ตลาดโลก และสำหรับในเมืองไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีแผนประกอบในประเทศ (CKD) ปีนี้
ในช่วงที่รอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำ EQS เข้ามา 1 คัน เพื่อให้ได้ลองขับกันก่อนดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
โดยรุ่นที่นำเข้ามาคือ EQS 450+ AMG Premium มอเตอร์ตัวเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนรุ่นที่จะทำตลาดจริง ยังไม่ระบุว่าจะเป็นรุ่นนี้ หรือรุ่นมอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรุ่น AMG
EQS 450+ ติดตั้งแบตเตอรี ลิเธียม ไอออนขนาด 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้งานได้สูงสุด 770 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
การชาร์จไฟ ถ้าเป็นหัวชาร์จดีซีที่ปล่อยไฟ 200 กิโลวัตน์ชั่วโมง ใช้เวลา 31 นาที
เป็นรถที่ตอบสนองการขับขี่ได้เร้าใจ กดคันเร่งแวบเดียวรู้สึกว่าความเร็วมันตันๆ เร่งไม่ขึ้น แต่พอเหลือบตาดูจอแสดงข้อมูล ถึงได้รู้ว่ามันเลยท็อปสปีดไปแล้ว
ครับการตอบสนองของมอเตอร์ทำงานได้รวดเร็ว รวมถึงการขับขี่ทั่วไป อัตราเร่งเป็นสิ่งที่โดดเด่นชัดเจน ขยับเพิ่มความเร็วได้ทันใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงทางเรียบ หรือเส้นทางที่ขึ้นลงเนินก็ตาม ทำให้เร่งแซงได้เร็ว ช่วยให้เดินทางได้รวดเร็วขึ้นในเส้นทางเล็กๆ แบบ 2 เลนสวนทาง ไม่ต้องเสียเวลาต่อท้ายรอแซงนานนัก
โหมดขับขี่มีให้เลือกทั้งแบบ eco, standard, sport และ individual ที่จะปรับระบบต่างๆ ตามที่เราที่เลือก ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้า พวงมาลัย หรือช่วงล่างที่เป็นแบบถุงลม Adaptive Air Suspension หรือ Air Matic พร้อมแดมเปอร์ปรับได้ ปรับระบดับสูงต่ำของตัวรถด้วยตัวเอง หรือปรับอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ที่เลือก
ส่วนใหญ่ผมเลือก standard เพราะขับง่ายๆ สบายๆ กินลมชมวิวได้ หรือจะกดคันเร่งแรงๆ ให้พุ่งไปข้างหน้าก็ได้เช่นกัน แต่ช่วงขับจากเขาใหญ่ มุ่งหน้าวังน้ำเขียว มีปรับมาใช้ sport บางช่วง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนถึงการตอบสนองที่เร็วขึ้น แซงทีละหลายๆ คันได้แบบไม่ต้องลุ้น
ช่วงล่างปรับให้กระชับมากขึ้น เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องผ่านโค้งอยู่บ่อยๆ รวมถึงพวงมาลัยที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น ควบคุมรถได้มั่นคงและสนุกยิ่งขึ้น และมันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ถือเป็นรถคันใหญ่ที่มีความคล่องแคล่วในเส้นทางแบบนี้
ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับระบบล้อหลังช่วยเลี้ยว ซึ่งที่ความเร็วสูงมันจะเลี้ยวไปทิศทางเดียวกับล้อหน้า ทำให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น จิกโค้งได้คมขึ้น ส่วนที่ความเร็วต่ำๆ จะเลี้ยวไปคนละทาง เพื่อลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพิ่มความคล่องตัว
ส่วนยางใช้ขนาด 265/40 R21
จุดเด่นอีกอย่างก็คือ รถที่มีอัตราเร่งสูงๆ แต่เมื่อกดคันเร่งอย่างรวดเร็วจนรู้สึกถึงแรงกระชาก แต่อาการหน้ายกหน้าเชิดกลับรู้สึกได้น้อย
ในส่วนคันเร่งรู้สึกได้ว่ามีแรงต้านเท้าพอควร ไม่ว่าจะอยู่โหมดไหนก็ตาม ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นความตั้งใจ เพราะการตอบสนองของมอเตอร์ที่รวดเร็ว แรงบิดสูงๆ ก็ปรามๆ มันไว้ด้วยคันเร่งบ้าง
ขณะที่เบรก รู้สึกว่าถ้าออกแบบให้กระชับมากกว่านี้ ตอบสนองเร็วกว่านี้อีกหน่อยน่าก็น่าจะดี เหมาะกับอารมณ์สปอร์ตของมอเตอร์หรือว่าการขับขี่ในภาพรวม
การขับเคลื่อนส่งกำลังผ่านเกียร์ 2 สปีด ทำงานได้ลื่นไหลนุ่มนวล และที่พวงมาลัยมีปุ่มแบบแพดเดิล ชิฟท์ ด้านหนึ่งเป็น + อีกด้าน +
โดยปกติ
เมื่อขับขี่ใส่เกียร์ D รถจะเซ็ทการขับขี่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ พูดง่ายๆ คือ ลงจากรถน้ำมันมาขึ้นขับคันนี้ ก็จะไม่รู้สึกแตกต่างกันมากนัก เมื่อผ่อนหรือถอนคันเร่ง ก็จะมีแรงหน่วงเล็กน้อยคล้ายๆกัน
แต่หากเหลือกเป็น D+ EQS จะตัดหน่วงออก ปล่อยให้แรงเฉื่อยทำงานเต็มที่ ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าไม่น่าใช้ แต่ถ้าเลือกเป็น D- จะเพิ่มแรงหน่วงมากขึ้น ทำให้รถชะลอตัวมากขึ้น ชาร์จไฟกลับได้มากขึ้น
ซึ่งโหมดนี้ถ้าใช้คันเร่งช่วยด้วย ก็ถือว่าขับขี่ได้คล่องตัวครับ คือแทนที่จะยกเท้าออกจากคันเร่ง ซึ่งมันจะหน่วงแบบจะแจ้ง ก็ค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักคันเร่ง ก็จะช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลดี และโหมดนี้ก็เหมาะกับการขับขี่ลงเนิน
แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกอะไร หรือ ขี่้เกียจเปลี่ยนไปมา เมื่อขับขี่ในเส้นทางเขา ก็กดปุ่ม + กับ - พร้อมๆ กัน ระบบจะเลือกเป็น Auto ให้ ประเมินเส้นทางเพื่อเลือกโหมดที่เหมาะสมให้
EQS ที่สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์มใหม่ MBEA เป็นแพลตฟอร์มสำหรับ อีวี โดยเฉพาะยังมีจุดเด่นอีกเรืองหนึ่งคือ การออกแบบตัวถังจัดการกับลมได้ดี หรือภาษาทางการคือค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน หรือ ค่า ซีดี ซึ่งอยู่ที่ 2.0 ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการขับขี่ และยังมีผลต่อความเงียบในห้องโดยสาร ที่เรียกว่าเงียบมาก
เสียงเครื่องไม่มี เสียงลมไม่มา เมื่ออยู่ในห้องโดยสาารเสียงที่ได้ยินดังที่สุด (แต่ไม่ดัง) คือ เสียงยางครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบฟังเพลงแล้วรู้สึกเหงาๆ กับ ความเงียบ ก็เลือกเปิดเสียงสังเคราะห์สร้างอารมณ์ได้ โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ตที่มี 2 เสียงให้เลือก ความเบา-ดัง ก็ตามคันเร่งที่เราเหยียบไป
แต่ไหนๆ ก็หนีจากเครื่องยนต์แล้ว เพราะฉะนั้นเสียงเคราะห์ที่ให้มา จึงไม่ใช่เสียงเครื่องยนต์ แต่เป็นเสียงที่ผมก็อธิืบายไม่ถูก ออกแนวหนังอวกาศหน่อย แต่ก็เร้าใจดีครับ
พูดถึงห้องโดยสาร ออกแบบมากว้างขวาง โปร่ง โล่ง ทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง มีหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ เพิ่มความโปร่งโล่ง เบาะนั่งออกแบบให้มีความแข็งเล็กน้อย
ถ้าจะเทียบกับ เอส-คลาส แน่นอนถ้าอยากได้ความนุ่มนวล เบาะหลังซ้ายนั่งได้สบายสุด ปรับเอนแทบจะนอนราบได้ ต้องไปเอส-คลาส แต่ถ้าอยากได้แนวสปอร์ต มา EQS
มีลูกเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งการด้วยเสียง จะสั่งเปิด-ปิด หลังคา อุณหภูมิ ความบันเทิง ก็ทำได้ โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย
การออกแบบดูล้ำสมัย และอลังการ โดยเฉพาะกับลูกเล่นหน้าจอที่มีถึง 3 จอ คือ ฝั่งผู้ขับ จอกลาง และจอด้านซ้ายสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า ซึ่งจอนี้ถ้าไม่มีแรงกดที่เบาะหน้าซ้าย มันจะไม่ทำงาน เพราะระบบอ่านว่าไม่มีผู้นั่ง ดังนั้้นสำหรับผู้ขับขี่ใช้ 2 ก็เพียงพอ
จอซ้ายผู้นั่งก็สามารถเลือกปรับ เลือกควบคุมได้เหมือนจอกลาง ทำให้สะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกันถ้าหากผู้ขับกำลังดูแผนที่จากจอกลาง เมื่อต้องการปรับเรืองอื่นๆ เช่น แอร์ หรือระบบบันเทิงทำให้ผู้โดยสารปรับได้จากจอของตัวเอง ภาพแผนที่ที่แสดงอยู่ที่จอกลางจึงไม่ถูกปิดทับไป
ส่วนอุปกรณ์มาตร,ฐาน หรือระบบต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น ไฟหน้า ดิจิทัลไลท์ ทำงานร่วมกับกล้องหน้ารถ เรดาร์ และระบบนำทางช่วยประเมินสิ่งล้อมเพื่อการส่องสว่างที่ดีที่สุดทัศนวิสัยดี ไม่รบกวนผู้อื่น และส่องได้ไกลสุด 600 เมตร
ระบบความปลอดภัยใส่มาเต็มที่ ทั้งพรีเซฟ ที่มีระบบการเตือน เช่น ถ้ามีความเสี่ยงเข็มขัดจะกระตุกถี่ๆ เตือนผู้ขับ แต่ถ้ายังไม่ตอบสนอง และพุ่งเข้าหาสิ่งกีดขวาง มันถึงจะรัดแน่นเพื่อปกป้อง
นอกจากนี้ก็มีเซ็นเซอร์รอบคัน ตรวจจับความผิดปกติต่างๆ เพื่อส่งข้อมูลไปยังระบบต่างๆ ทั้งเกี่ยวกับช่วยเหลือขับขี่ เช่น ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบรักษาช่องทาง ไปจนถึงด้านความปลอดภัย
พูดถึงความปลอดภัยที่หลังพวงมาลัยมีกล้อง 2 ตัว ตรวจจับผู้ขับ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น หลับตา คอพับ มันจะจัดการชะลอความเร็ว เปิดไฟฉุกเฉิน สำรวจรอบด้าน และพยายามนำรถไปจอดข้างทางด้วยตัวเอง พร้อมติดต่อฉุกเฉินเพื่อหาคนมาช่วยเหลือผู้ขับที่สลบไสลไปแล้ว
โดยรวมแล้วสำหรับ EQS ที่ขนาดตัวยาว 5,216 มม. กว้าง 1,926 มม. สูง 1,512 มม. แม้จะเล็กกว่า เอส-คลาส (คนละแพลตฟอร์ม) นิดๆ โดยสั้นกว่า 73 มม. แคบกว่า 28 มม. และสูงกว่า 9 มม.แต่ก็ถือว่าเป็นรถที่มีตัวถังขนาดใหญ่ แต่สามารถขับขี่ได้คล่องแคล่ว และมีอารมณ์สปอร์ตชัดเจน
เหมาะกับการเดินทางไกล ที่ต้องการทำเวลา และเติมอารมณ์สปอร์ต เติมความสนุกให้กับตัวเอง