Bentley ยกระดับพิมพ์ 3 มิติ เพิ่มผลิตชิ้นส่วน ลดต้นทุน
เบนท์ลีย์ (Bentley) รถสุดหรู จากอังกฤษ ยกระดับภาคการผลิต ด้วยการลงทุนมากกว่า 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 131 ล้านบาท) สำหรับการสร้างเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ที่โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ ฐานการผลิตของเบนท์ลีย์
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ของ เบนท์ลีย์ (Bentley) มีความสำคัญและจำเป็นอย่างไร เบนท์ลีย์บอกว่าในปี 2564 เทคโนโลยีนี้ ถูกนมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์มากกว่า 15,000 รายการเลยทีเดียว
ดังนั้นการเพิ่มกำลังการสร้างแบบจำลอง 3 มิติครึ้งนี้ จึงช่วยให้เบนท์ลีย์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการผลิตส่วนประกอบรถยนต์จากแบบ 3 มิติ และสามารถออกแบบรถตามความต้องการของลูกค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ แปลงรูปแบบ 3D CAD สู่การผลิตชิ้นงานจริง เป็นเทคโนโลยีที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่พัฒนาเร็วที่สุดของโลก
ทั้งนี้ทีมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของเบนท์ลีย์ ระบุรายการส่วนประกอบที่จะพิมพ์แบบ 3 มิติ รวมถึงเครื่องมือช่วยในการทำงานในขั้นตอนการผลิต เช่น บล็อคมือสำหรับรองขัดกระดาษทรายในแผนกงานไม้ของเบนท์ลีย์
นอกจากนี้ยังมีการสร้างอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการผลิตชิ้นส่วนสำหรับโมเดล Bentley Blower Continuation ในอดีต หรือการผลิตแผ่นพลาสติกป้องกัน COVID-19 อีกด้วย
ทั้งนี้การสร้างแบบจำลอง 3 มิติ เพื่อผลิตชิ้นส่วนประกอบรถต้นแบบมาแล้วหลายรุ่น รวมถึงรถทั่วๆไป และรุ่นที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เทคนิคขั้นสูงยังถูกนำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนสำหรับเบนท์ลีย์ที่ทำลายสถิติในการแข่งขัน Pikes Peak Challenge ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
เบนท์ลีย์บอกว่าเทคโนโลยีล่าสุดได้ช่วยต่อยอดการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้มากขึ้นด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ‘Beyond100’
อุปกรณ์ในการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ยังช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิตได้ถึง 50% และการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โรงงานจะสามารถผลิตชิ้นส่วนได้หลายพันชิ้น จากตัวเลือกวัสดุ 25 แบบ
Peter Bosch คณะกรรมการฝ่ายการผลิต เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า แนวทางของเบนท์ลีย์ในการใช้เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลอง 3 มิตินั้นถือเป็นวิสัยทัศน์ของผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์และการตอกย้ำการเดินทางสู่ 'Dream Factory' โดยประโยชน์ประการหนึ่งคือประสิทธิภาพในการลดต้นทุนและความซับซ้อนในการผลิต
“การลงทุนครั้งสำคัญนี้ได้ช่วยให้พนักงานของเราได้ใช้เครื่องมือช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยขับเคลื่อนการพัฒนา เมื่อเรามองไปในอนาคต เทคโนโลยีขั้นสูงนี้จะยังคงสามารถพัฒนาไปได้อีกมากด้วยศักยภาพ ซึ่งรวมถึงความสามารถที่มากขึ้นในการออกแบบชิ้นส่วนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า”