ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม พบเร็ว รักษาง่าย หายขาดได้
มะเร็งเต้านม ภัยเงียบสำหรับผู้หญิงทุกคน หากตรวจเจอได้เร็ว สามารถทำให้รักษาได้ง่าย และหายขาด
มะเร็งเต้านม เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อาจอันตรายถึงชีวิตหากตรวจพบช้า ดังนั้น การตรวจเต้านมด้วยตนเอง และการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม รวมถึงการรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์หากพบอาการผิดปกติ ถือเป็นการลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านม
พญ. วีรนุช รัตนเดช อายุรแพทย์ โรคมะเร็ง ประจำศูนย์มะเร็งพิษณุเวชฮอไรซัน โรงพยาบาลพิษณุเวช ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ด้วยความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก ได้ตอบข้อสงสัยต่างๆ และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง และการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ดังนี้
หากตรวจพบมะเร็งเต้านม ขั้นตอนการรักษาแรกคืออะไร?
หลังจากการตรวจพบก้อนที่เต้านมด้วยตนเอง หรืออาจเป็นการตรวจพบจากการตรวจคัดกรองด้วยการทำแมมโมแกรมก็ตาม ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจยืนยันวินิจฉัยด้วยการเอาชิ้นเนื้อออกมาตรวจ เพื่อยืนยันว่าก้อนที่พบดังกล่าวคือ เซลล์มะเร็งเต้านม จากนั้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยว่ามะเร็งเต้านมนั้นอยู่ในระยะใด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะเริ่มต้น : ตัวโรคยังอยู่บริเวณเต้านมเป็นหลัก สามารถทำการผ่าตัดรักษา และมีโอกาสหายขาดสูงมาก
- ระยะลุกลาม : ตัวโรคมีการกระจายไปยังบริเวณต่อมนำ้เหลืองข้างเคียง การรักษาอาจมีความซับซ้อนมากขึ้น อาจจะมีการรักษาด้วยการให้ยา การผ่าตัด และการฉายแสง
- ระยะกระจาย : ตัวโรคมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ นอกเต้านม จะใช้ยารักษาเป็นหลัก
ปกติแล้ว วิธีการรักษาจะขึ้นกับลักษณะชิ้นเนื้อ และระยะของโรคมะเร็งเต้านมเป็นสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในระยะเริ่มต้น การรักษาสามารถทำได้โดยการผ่าตัดเป็นหลัก และอาจมีการรักษาอื่นๆ เช่น การให้ยาเคมีบำบัด การให้ยาต้านฮอร์โมน การให้ยามุ่งเป้า หรือการฉายแสงเข้ามาเสริม เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน มีการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยการผ่าตัดเต้านมทั้งเต้า การผ่าตัดแบบสงวนเต้านม หรือการผ่าตัดและเสริมเต้านมไปในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการคงภาพลักษณ์ความงามซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อจิตใจ
การผ่าตัดสิ่งที่นำเอาออกไปคืออะไร?
สิ่งสำคัญต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนมะเร็งออกให้ได้ทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่เซลล์เล็ก โดยก้อนมะเร็งอาจมีขนาดตั้งแต่ระดับมิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดหลายเซนติเมตร หากวินิจฉัยพบจากการตรวจคัดกรอง โดยส่วนมากก้อนมะเร็งมักจะยังมีขนาดเล็ก ซึ่งจะสามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมาตรวจตอนที่เริ่มมีอาการ เช่น เริ่มคลำก้อนได้เอง โดยมากก้อนมะเร็งจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้การรักษามีความซับซ้อนมากขึ้น
กรณีไหนที่ต้องทำการรักษาโดยการตัดเต้านมทิ้ง?
หากก้อนมะเร็งยังมีขนาดเล็ก และยังไม่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง ศัลยแพทย์ก็จะสามารถทำการผ่าตัดรักษาแบบสงวนเต้านมได้ แต่หากก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่หรือมีการกระจายไปต่อมนำ้เหลืองข้างเคียงแล้ว ก็จะมีการให้ยาเคมีบำบัดก่อน เพื่อให้ก้อนมีขนาดเล็กลง และทำให้ศัลยแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้โดยง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งสามารถทำการผ่าตัดแบบสงวนเต้านมได้ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีข้อจำกัดอื่นๆ ที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบสงวนเต้านมได้ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องตัดเต้านมทั้งเต้า ทั้งนี้ ขึ้นกับการพิจารณาของแพทย์เป็นหลัก
หลังเข้ารับการผ่าตัด ต้องทำการรักษาอะไรต่อหรือไม่?
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้ว แพทย์จะต้องทำการวิเคราะห์ลักษณะของก้อนมะเร็งที่ผ่าตัดออกมา ว่าคนไข้รายนั้นๆ มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาเสริมด้วยอะไรบ้าง เช่น มีความจำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัด ยาต้านฮอร์โมน ยามุ่งเป้า หรือการฉายแสงหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล เนื่องจากแพทย์จำเป็นต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ลักษณะของมะเร็ง อายุของคนไข้ สภาพความแข็งแรงของร่างกาย และโรคประจำตัว เพื่อนำมาพิจารณาว่าคนไข้คนใดเหมาะสมกับการรักษาเสริมแบบใด
เซลล์มะเร็งลุกลาม สามารถทำการรักษาได้อย่างไร?
สำหรับกรณีที่โรคลุกลามเฉพาะที่ เช่นก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ หรือกระจายไปต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงค่อนข้างเยอะ การรักษาอาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แพทย์จะต้องทำการประเมินว่าควรให้การรักษารูปแบบใด หรือวิธีใดก่อน เช่น หากก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มาก อาจจะต้องให้ยาเพื่อให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงก่อน แล้วจึงทำการผ่าตัด เป็นต้น
ถัดมา กรณีที่โรคมะเร็งลุกลามไปที่อวัยวะอื่นๆ การรักษาอาจจะไม่สามารถทำให้ตัวโรคหายขาดได้ แต่การรักษาจะมุ่งหวังให้คนไข้ทุเลาอาการจากตัวโรค และสามารถมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด โดยการรักษาก็มีหลายวิธี เช่น การใช้ยาเคมีบำบัด ยาต้านฮอร์โมน ยามุ่งเป้า การฉายแสง ขึ้นกับการพิจารณาของแพทย์ว่าการรักษาใดเหมาะสมที่สุดในขณะนั้น
กระบวนการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ใช้เวลานานเท่าไร?
ปัจจุบัน เนื่องจากมีแนวทางการรักษาหลายแบบ ทำให้เวลาในการรักษาแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และระยะของโรค ขึ้นกับว่าคนไข้แต่ละคนจำเป็นต้องได้รับการรักษาชนิดใดบ้าง เช่น มะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น หลังทำการผ่าตัดแล้ว หากคนไข้มีความจำเป็นต้องรับการรักษาต่อโดยการใช้เคมีบำบัด ต้องใช้เวลาในการให้ยา 3-6 เดือน หลังจากนั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องเข้ารับการฉายแสง ก็ต้องใช้เวลาในการฉายแสงต่ออีก 1-2 เดือน และถ้าจำเป็นต้องได้รับยาต้านฮอร์โมน ก็ต้องกินยาไปอีกประมาณ 5 ปี เป็นต้น
หลังการรักษา มีการติดตามโรคอย่างไร มีโอกาสเกิดซ้ำหรือไม่?
แพทย์จะนัดติดตามอาการอย่างน้อยเป็นเวลาประมาณ 5 ปี หลังจากนั้น อาจจะนัดดูห่างๆ เช่นปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากตัวโรคอาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ คนไข้ต้องหมั่นสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอๆ ว่ามีอาการผิดปกติใดหรือไม่ เช่น คลำเจอก้อนตรงบริเวณเต้านม รักแร้ หรือมีอาการเหนื่อย หอบ ไอ ปวดตามตัว กระดูก แขนขาอ่อนแรง หรืออาการผิดปกติใดๆ ก็ตาม เนื่องจากอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็งและเป็นอาการของการที่มะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้
มะเร็งเต้านม รักษาหายได้ และควรตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับประชาชนทั่วไป หากตรวจคัดกรองด้วยการคลำเต้านมด้วยตนเองแล้วพบความผิดปกติ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยเร็ว หรือเมื่ออายุถึงเกณฑ์เข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมก็ควรรีบเข้ารับการตรวจ เนื่องจากการตรวจพบมะเร็งในระยะแรก สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยง่าย
พญ.วีรนุช รัตนเดช อายุรแพทย์โรคมะเร็ง ประจำศูนย์มะเร็งพิษณุเวชฮอไรซัน โรงพยาบาลพิษณุเวช ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ด้วยความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก ยังคงเน้นย้ำว่า สำหรับคนไข้โรคมะเร็งเต้านมที่กำลังเข้ารับการรักษา ไม่ควรท้อแท้กับรักษา เนื่องจากแนวทางการรักษาในปัจจุบันพัฒนาไปมาก การรักษาได้ผล และผลข้างเคียงในการรักษาก็น้อยลง เมื่อเทียบกับในอดีต มีปัญหาใดในการรักษา สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลท่านอยู่ได้เสมอ