บล.บัวหลวง เผย Block Trade เดือนก.พ.กลุ่มแบงก์ฮิตสุดอันดับ 1

บล.บัวหลวง เผย Block Trade เดือนก.พ.กลุ่มแบงก์ฮิตสุดอันดับ 1

“บล.บัวหลวง” เผยมูลค่าซื้อขาย Block Trade เดือนก.พ.แตะ 10.02% กลุ่มแบงก์ฮิตสุดอันดับ 1

“หลักทรัพย์บัวหลวง” ระบุตลาดหุ้นไทยเดือนก.พ.ผันผวน จากความกังวลสงครามการค้าต่างประเทศ หนุนปริมาณซื้อขาย ธุรกรรม Block Trade ไม่ตกแตะที่ระดับ 10.02% นักลงทุนแห่เก็งกำไร “หุ้นกลุ่มธนาคาร”  เทรดฮิตสุดอันดับหนึ่ง สะท้อนการเมืองไทยเริ่มชัดเจน ด้านตัวเลขมาร์เก็ตแชร์ครองสัดส่วน 12.99%

 

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการธุรกรรม Block Trade ที่มีส่วนแบ่งการตลาด เมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายBlock TradeSSF ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ระดับ 12.99% เปิดเผยว่า จากความวิตกเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์เคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน โดยปรับตัวขึ้นเพียง 0.72% หนุนให้นักลงทุนหันมาเพิ่มผลตอบแทนในธุรกรรม Block Trade โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่ขึ้นแท่นความนิยมสูงสุด คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายสัดส่วน 16.73%

โดยมีปริมาณการซื้อขายธุรกรรม Block Trade ฟิวเจอร์สอ้างอิงหุ้นรายตัวอยู่ระดับ 2,627,461 สัญญา คิดเป็นประมาณ 3,129 ล้านบาทเฉลี่ยต่อวัน คิดเป็นประมาณ 10.02% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นอ้างอิงบนกระดานหลัก ขณะที่จำนวนสัญญา Block Trade คงค้างรวมมีทั้งสิ้น 2,220,370 สัญญา คิดเป็น 85.10% ของสัญญาอนุพันธ์คงค้างรวม  จาก 2,010,413 สัญญา เพิ่มขึ้น 10.44% ของจำนวนสัญญาคงค้างวันสุดท้ายของเดือน ทั้งนี้มูลค่าสถานะคงค้างเฉลี่ยรายวันคิดเป็น 22,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 19,254 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.39%

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหุ้นอ้างอิงที่ทำธุรกรรม Block Trade ทั้งหมด 93 หุ้น โดยหุ้นอ้างอิงที่ได้รับความนิยมสูงสุด อันดับหนึ่ง คือ หุ้นอ้างอิง CPALL จากการประมาณการผลประกอบการกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2561 เท่ากับ 5,552 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และขยับขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หนุนโดยปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ

ขณะที่ MAKRO ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2561 ระดับ 1,844 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีการเปิดสาขาใหม่ แบ่งเป็น เมืองไทย 4 แห่ง อินเดีย 1 แห่ง นอกจากนั้นธุรกิจในประเทศก็ทำได้ดีมากสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนของสาขาในต่างประเทศได้บางส่วน สำหรับ 7-11 มี SSSG เติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก Stamp Promotion ในช่วงครึ่งหลังที่ได้รับการตอบรับที่ดี

อันดับสอง คือ หุ้นอ้างอิง KBANK ที่มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 5.76% โดยนักลงทุนมองไตรมาส 4 ปี 2561 กลุ่มธนาคารมีสินเชื่อเติบโตดีกว่าคาดเป็นไปตามฤดูกาล ขณะที่ NPL ถือว่าทรงตัวและจัดการได้ดี KBANK จึงเป็นตัวที่เด่นที่สุดในกลุ่มที่นักลงทุนเข้ามาทำกำไร

 

 

อันดับสาม คือ หุ้นอ้างอิง PTTGC ที่มีสัดส่วนการซื้อขาย 5.67% โดยนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาเก็งกำไร แม้กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2561 จะอ่อนแอตามความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่น สเปรดปิโตรเคมี ในปี 2561 แต่การที่บริษัทซื้อกิจการเพิ่ม ,การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการกระจายธุรกิจสู่ Downstream มากขึ้นจะช่วยเพิ่มกำไรให้บริษัทได้

เอ็มดีหลักทรัพย์บัวหลวง กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณการซื้อขายในตลาด ก็มีผลต่อการเลือกใช้เครื่องมือในการลงทุน นักลงทุนหลายรายหันมาสนใจธุรกรรม Block Trade กันอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง หลักทรัพย์บัวหลวงจึงเห็นความสำคัญที่จะไม่หยุดพัฒนาระบบ การให้ข้อมูลข่าวสารแก่นักลงทุน เพื่อให้ได้รับข่าวสารถูกต้องทันท่วงที และใช้เครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในมุมมองของนักลงทุนที่เลือกใช้ Block Trade มองได้หลายมุม บ้างถูกนำมาใช้เก็งกำไร บ้างก็ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา ตัวเลขของ Block Trade ขยายตัวขึ้นมาก

ทั้งที่นักลงทุนมือใหม่ควรทำความเข้าใจถึงลักษณะและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นของโปรดักส์ ซึ่งที่ผ่านมาหลักทรัพย์บัวหลวงได้มีการจัดอบรบเกี่ยวกับ Block Trade อย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนสามารถติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BLS Customer Service โทร 0-2 618-1111