บอร์ด DRT ไฟเขียวแผนลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี
บอร์ด DRT ไฟเขียวแผนลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี เพิ่มกำลังการผลิตไม้สังเคราะห์อีก 55,000 ตัน คาดผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ไตรมาส 4/63
บอร์ด บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT อนุมัติแผนลงทุนใหญ่ในรอบ 5 ปี เพิ่มสายการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ (NT-11) ด้วยงบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และไดมอนด์บอร์ดอีก 55,000 ตันต่อปี หลังใช้อัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยสูงถึง 88% คาดจะเริ่มเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ภายในไตรมาส 4/2563
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) มีมติเห็นชอบการลงทุนในโครงการสายการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ (NT-11) ที่โรงงานจังหวัดสระบุรี โดยใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และไดมอนด์บอร์ดอีก 55,000 ตันต่อปี ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในอนาคต จากปัจจุบันอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 88% จึงจำเป็นต้องเพิ่มสายการผลิตดังกล่าว
ทั้งนี้ การเดินเครื่องจักรสายการผลิต NT-11 จะเข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการผลิตสินค้า ช่วยลดการสูญเสียโอกาสการขายสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ ทำให้บริษัทฯ สามารถเร่งผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มลูกค้าโครงการ ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายรายย่อย รวมถึงสามารถรองรับการขยายตัวของช่องทางจำหน่ายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าไปเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DRT กล่าว่า สินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่ DRT จะลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตในครั้งนี้ ที่สอดคล้องกับภาวะของตลาดไม้สังเคราะห์ที่มีอัตราขยายตัวได้ดีมาก โดยบริษัทฯ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการติดตั้งประมาณ 18 เดือน และจะสามารถดำเนินการผลิตไม้สังเคราะห์และไดมอนด์บอร์ดได้ภายในไตรมาส 4/2563
“การลงทุนเพิ่มสายการผลิต NT11 ในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5-6 ปีของ DRT เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี” นายสาธิต กล่าว