“ดิลมา” (Dilmah) พลิกโฉมประวัติศาสตร์การดื่มชา
เปิดรับวัฒนธรรมการดื่มด่ำรสชาติของชาในรูปแบบใหม่ กับแบรนด์ชาชั้นนำระดับโลก “ดิลมา” ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การดื่มชา
การดื่มชานับเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกมาเป็นเวลานาน เพราะด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม ดื่มง่าย อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคได้หลากหลายชนิด โดยคนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับการดื่มชาในรูปแบบของน้ำชาที่ชงร้อนเพียงอย่างเดียวและดื่มคู่กับอาหารหรือเซ็ตขนมอย่างอาฟเตอร์นูน ที (Afternoon Tea) แต่หารู้ไม่ว่าชาซีลอนนั้นสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการรังสรรค์อาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มให้เกิดเป็นเมนูสุดพิเศษได้อย่างมากมาย โดยล่าสุดแบรนด์ชาชั้นนำระดับโลก “ดิลมา” (Dilmah) ได้จัดงานแข่งขันการรังสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มจากชาสุดยิ่งใหญ่ “DILMAH TEA INSPIRATION FOR 21st CENTURY” เพื่อเฟ้นหาทีมเชฟและมิกซ์โซโลจิสต์มากฝีมือที่สามารถคิดค้นสูตรอาหารและเมนูเครื่องดื่มรสเลิศที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานจากชาซีลอน พร้อมผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยเทคนิคเหนือชั้น และเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการลิ้มรสให้แก่เหล่าผู้รักชาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ดิลมา” (Dilmah) แบรนด์ชาชั้นนำระดับโลกจากประเทศศรีลังกา ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 โดย เมอร์ริล เจ. เฟอร์นันโด ผู้ปลูกชาที่ได้รับการขนานนามว่ามีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ภายใต้แนวคิดที่ต้องการมอบชาชั้นเลิศและคุณภาพดีที่สุดแก่นักดื่มชาทั่วโลก ซึ่งคำนึงถึงความสมบูรณ์แบบของใบชาเป็นอันดับแรก โดยใบชาต้องมีความสดใหม่ ไร้สารเจือปน ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของดิลมาที่สามารถมอบรสชาติแสนอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาซีลอนขนานแท้ที่ผลิตและบรรจุจากไร่ อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการปลูกชาแบบ Single Origin Tea หรือชาที่มาจากแหล่งปลูกเดียวอีกด้วย
ทัศนีย์ อัศวโกวิทวงศ์ ผู้จัดการทั่วไปและผู้ก่อตั้ง บริษัท โกลเบิล พรีเมี่ยม ไวน์ จำกัด ผู้นำเข้าชา “ดิลมา” (Dilmah) ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานแข่งขันในครั้งนี้ว่า “เราอยากปลูกฝังค่านิยมใหม่ๆให้กับคนไทยว่าชาเป็นสิ่งที่สามารถสอดแทรกอยู่กับชีวิตของคุณได้ในทุกโอกาส โดยชาสามารถสร้างสรรค์ให้อยู่ในรูปแบบทั้งเครื่องดื่ม ร้อน เย็น ไปจนถึงค็อกเทล และอาหารคาวหวานประเภทต่างๆ ดังนั้นทางแบรนด์ ‘ดิลมา’ จึงริเริ่มแนวคิดการปรุงชารูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การลิ้มรสชาติของชาที่แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งเมื่อชาถูกปรุงออกมาให้เป็นเมนูใหม่ๆก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการรับประทานและเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายขึ้น โดยในปีนี้เราจะมีการจัดแข่งขันค้นหาเชฟและมิกโซโลจิสต์หน้าใหม่ที่มีคุณสมบัติในการสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก”ชาดิลมา”มาประชันฝีมือกันเพื่อให้ได้จานพิเศษสูตรใหม่สำหรับนักชิมทั่วโลก”
ด้านมิกซ์โซโลจิสต์ชื่อดังโทเมค มาเลค (Tomek Malek) ผู้ชนะเลิศคนที่ 4 จากการแข่งขันระดับโลก World Champion Flair Bartender ได้กล่าวถึงจุดเด่นของการนำชามาใช้รังสรรค์เครื่องดื่มสุดพิเศษว่า “การคิดค้นเครื่องดื่มเมนูใหม่ที่มีส่วมผสมจากชา ก็เปรียบเสมือนเป็นศิลปะการผสมผสานแขนงหนึ่ง โดยมีการนำชาเป็นอีกส่วนผสมหลักของเครื่องดื่ม เช่น ค็อกเทล ม็อกเทล และ ชูตเตอร์ โดยการผสมส่วนประกอบต่างๆ เพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อมนั้นถือเป็นศิลปะ การผสมโดยใช้ชานั้นยิ่งต้องใช้ฝีมือและความมุ่งมั่นของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องมีความเข้าใจถึงลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของชาแต่ละชนิดทั้งรสชาติและกลิ่นที่จะต้องมีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน โดยจุดเด่นของการนำชามาใช้เป็นส่วนผสมของการทำเครื่องดื่มหรืออาหารนั้นจะช่วยให้เมนูดังกล่าวมีรสชาติที่แปลกใหม่มากขึ้น เพราะด้วยคุณสมบัติของชาซีลอนที่มีความกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว”
นอกจากนี้มิกโซโลจิสต์ชื่อดังยังได้แนะนำสูตรเครื่องดื่มที่สร้างสรรค์จากชา “ดิลมา” (Dilmah) ให้เหล่านักชิมได้นำไปทดลองทำในเมนูที่ชื่อว่า Black tea with Lychee Ice Cream Soda ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสม ได้แก่ ชาดำดิลมารสลิ้นจี่ 25 มล., โซดา 120 มล. และไอศกรีมรสวานิลลา 2 สกู๊ป ซึ่งมีขั้นตอนการทำง่ายๆ โดยเริ่มจากใส่นำแข็งลงไปครึ่งแก้ว จากนั้นให้ใส่ชาดำดิลมารสลิ้นจี่และโซดาลงไปพร้อมคนให้เข้ากัน ต่อด้วยการวางไอศกรีมรสวานิลลาลงไปด้านบนและเติมโซดาลงไปอีกครั้ง จากนั้นประดับตกแต่งให้สวยงามโดยสามารถท็อปปิ้งด้วยส่วนผสมที่เข้ากันได้
ด้านเชฟชื่อดังชาวออสเตรเลียปีเตอร์ คูรูวิต้า (Peter Kuruvita) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ “ดิลมา” (Dilmah) ยังได้กล่าวถึงแนวคิดของการรังสรรค์อาหารจานพิเศษด้วยส่วนผสมของชาชั้นเลิศว่า “ชาเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มาก อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยทำให้สุขภาพดี เราจึงเล็งเห็นว่าจริงๆ แล้วเราน่าจะนำชามาเป็นส่วนผสมหนึ่งอาหารได้ ด้วยกลิ่นที่หอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของชานั้น เราก็สามารนำชามาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนูโดยใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์เข้าไป อาทิ เมนูซุปชาและผักเพื่อสุขภาพ, สปาเก็ตตี้้ที่ทำจากชาอันอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร, ซอสดิปปิ้งที่ทำจากชาแสนอร่อย ไปจนถึงขนมหลากหลายเมนู อย่างเครปเค้กสอดไส้ชา, เครมบูเล่รสชา เป็นต้น เราจะเห็นได้ว่าชานั้นสามารถนำมาประยุกต์สร้างสรรค์เมนูอร่อยได้หลากหลาย ซึ่งเป็นมิติใหม่ที่คนรักชาจะต้องชอบ”
ซึ่งเชฟได้มอบสูตรอาหารจานเด็ดที่ปรุงจาก ชา “ดิลมา” (Dilmah) ที่ชื่อเมนูว่า Dilmah Exceptional Rose with French Vanilla Pannacotta ซึ่งสามารถทำตามได้ไม่ยาก เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมซึ่งประกอบไปด้วย ครีม 375 มล., นม 375 มล., ฝักวานิลลา (Vanilla bean) 1 ฝัก, น้ำตาลทรายป่น (Castor sugar) 115 กรัม, เจลาติน 4 กรัม และชาดิลมากลิ่น Exceptional Rose with French Vanilla Tea โดยขั้นตอนการทำเริ่มจากผสมนมและครีมเข้าด้วยกัน จากนั้นขูดเมล็ดวานิลลาออกจากฝักแล้วนำลงกะทะ พร้อมเทชาดิลมาลงไป รวมถึงนมและครีมที่เตรียมไว้ตอนแรก ต่อมานำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งใฟที่ความร้อนปานกลางจนเดือดและพักไว้ 10 นาที จากนั้นตักถั่วออกจากส่วนผสมทั้งหมดแล้วเติมน้ำตาลลงไปก่อนนำไปตั้งเตาที่ความร้อนอ่อนๆ เป็นเวลา 5 นาทีจนน้ำตาลละลาย ขั้นต่อมาเพิ่มเจลาตินที่ละลายแล้วลงในส่วนผสม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดลงจัดวางในจานตามชอบ พร้อมเสิร์ฟได้ทันที
มอบประสบการณ์การลิ้มรสชาติของชาชั้นเลิศอย่างเหนือระดับกับชา “ดิลมา” (Dilmah) พร้อมพบการแข่งขัน “DILMAH TEA INSPIRATION FOR 21st CENTURY” ในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 สิงหาคมนี้ โดยสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง เฟซบุ๊คเพจ Dilmah Tea Thailand และเว็บไซต์ www.teainspired.com