รณรงค์ผลักดันบำนาญแห่งชาติแก่ผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไป
เอ็ม.... ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ร่วม party ปิ่นโตช่วยผู้สูงวัยให้มีค่าครองชีพ 3000บาท/เดือน แทน 600-800/เดือน
“เราจะผลักดัน บำนาญถ้วนหน้าให้ได้ ผู้สูงอายุ 60 ปี ต้องได้ 3,000 บาท เพื่อประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ 10 กว่าล้านคน “ภารกิจช่วงเช้า เอ็ม-ธวเดช ภาจิตรภิรมย์ ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาแนวทางเสนอกฏหมายบำนาญแห่งชาติ วันจันทร์ที่ 13 กรกฏาคม 63 ร่วมกิจกรรมปาร์ตี้ปิ่นโต บำนาญถ้วนหน้า “เพื่อร่วมผลักดันเรียกร้องรับเรื่อง การเร่งเสนอกฏหมายบำนาญแห่งชาติ บำนาญถ้วนหน้า เดือนล่ะ 3,000 บาทสำหรับทุกคนเมื่ออายุ 60 ปี (หากผลักดันสำเร็จจะมีผู้สูงอายุ10 กว่าล้านคนที่ได้ประโยชน์ตรงนี้ ) โดยคณะอนุกรรมาธิการ ฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือที่เสนอโดยภาคประชาชนเพื่อเสนอ(พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไปโดยได้ร่วมภารกิจกับ สส.สมศักดิ์ คุณเงิน ประธานอนุกรรมาธิการ ,(คณะอนกรรมาธิการ สส.พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาพ ,สส.ณัฐชา บุญไชยอิสวัสดิ์ ,สส.วรรณวิภา ไม้สน) ณ เวทีหน้าสำนักงานสหประชาชาติ (UN) ถนนราชดำเนิน กทม. ขอขอบคุณ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ /เครือข่ายสลัมสี่ภาค/เครือข่ายแรงงานนอกระบบ /เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ/เครือข่ายผู้สูงอายุ/เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ร่วมต่อสู้และผลักดัน รัฐสวัสดิการ เสนอร่าง พรบ.บำนาญแห่งชาติ เปลี่ยนเบี้ยยังชีพเป็นบำนาญถ้วนหน้า การผลักดันเรื่องบำนาญแห่งชาติ ซึ่งมีหลักการสำคัญบนฐานคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะรวยหรือจนก็สามารถเข้าถึงสวัสดิการที่เป็นหลักประกันทางรายได้ขึ้นพื้นฐานจากรัฐได้อย่างเท่าเทียมกัน ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(ช่วงบ่าย)วันที่ 13 กค./63 ณ รัฐสภา เอ็ม ธวเดช ภาจิตรภิรมย์ ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาแนวทางเสนอกฎหมายบำนาญแห่งชาติ” นำเรื่องเข้าประชุมหลังจากได้รับปัญหาต่างฯ จากประชาชน เรื่อง บำนาญแห่งชาติ เราจะผลักดันผู้สูงอายุต้องได้เดือนล่ะ 3,000 บาท
“คณะอนุกรรมาธิการศึกษาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ “ เร่งประชุมหนักทันที เพื่อเร่งพิจารณาตามที่ประชาชนได้ร้องเรียน เพื่อให้สำเร็จให้เร็วที่สุด คณะอนุกรรมาธิการฯเราได้พิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน ที่มาของรายได้ต่างฯช่องทางของงบประมาณ เพื่อนำมาใช้ในการผลักดัน บำนาญแห่งชาติ บำนาญถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียมกัน โดยการสรุปรายได้ที่ต้องใช้ในโครงการต่อปีมีผู้สูงอายุราว12 ล้านคน /ปี ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 4-5 แสนล้านบาทต่อปี คับ เราได้พิจารณาแหล่งที่มาของการจัดเก็บรายได้ทางภาษี การบริหารการจัดการรายได้ของหน่วยงานภาครัฐ และการจัดเก็บรายได้ทางภาษี ตลอดจนพิจารณาแหล่งที่มาของงบประมาณ และผลประกอบการด้านการส่งเสริมการลงทุน ประเด็นผลกระทบกรณีหากมีการกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุน เพื่อกำหนดแนวทางในการจัดเก็บภาษี และวันนี้ได้เชิญหน่วยงานต่างฯเข้าพูดคุย 1.อธิบดีกรมศุลกากร 2.ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 3.เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)