SMEs บัญชีเดียว(เท่านั้น)
ตั้งแต่ 1 ม.ค.2562 กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไท(ธปท) จะกำกับดูแลควบคุมให้สถาบันการเงินทุกแห่ง
ใช้งบการเงินที่จัดแสดงรายได้ที่ยื่นต่อสรรพากรเท่านั้นในการที่จะเป็นฐานวิเคราะห์ ในการที่จะให้สินเชื่อ หรือธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวไว้ว่า ถ้าถึงปี 2561 บัญชีสรรพากรใครยังมั่วอยู่ ก็จะไม่ได้รับเงินกู้
หากสถาบันการเงินไม่ทำตามก็จะมีความผิดทางกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนการหนีภาษี คนเลี่ยงภาษีมีโทษจำคุก มาตรการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 เป็นต้นไป ผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อหรือเงินกู้จากสถาบันการเงินทุกแห่ง ทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ(SFI) จะต้องใช้เอกสารบัญชีที่ยื่นกรมสรรพากรเป็นเอกสารขอกู้เงิน โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้แจ้งธปท.ในฐานะผู้กำกับสถาบันการเงินไปแล้ว และ ธปท.ได้แจ้งสถาบันการเงินทุกแห่งให้ถือปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว
โครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEsจดแจ้งบัญชีเดียวกับกรมสรรพากรเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้ออกพระราชกำหนดมาตรการบัญชีชุดเดียว ยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEs ที่จดแจ้งบัญชีเดียวกับกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-15 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ให้ความรู้แก่ธุรกิจในการจัดทำบัญชีเดียว เวลา 3 ปี ซึ่งมีผู้ประกอบการหลายรายได้ปรับตัวไปบ้างแล้ว
ในอดีตที่ผ่านมาผู้ประกอบการ SMEs บ้านเรามักจะมีบัญชีหลายชุด และมักจะจัดทำบัญชีเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี เพื่อยื่นต่อสรรพากร เมื่อยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หากพิจารณาจากบัญชีทียื่นต่อสรรพากรก็ไม่ผ่านเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อได้ เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะต้อง Recast งบการเงินโดยนำข้อมูลจากการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง โดยเฉพาะรายได้และค่าใช้จ่ายมาทำการวิเคราะห์ เป็นแนวทางในการอนุมัติสินเชื่อ
จากประสบการณ์ในการทำงานด้านสินเชื่อในธนาคารกรุงไทย กว่า 30 ปี ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านผู้ประกอบการ SMEs จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของผู้ประกอบการ SMEs คือขาดความรู้ทางด้านบัญชีและการเงินหากไม่เร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับกติกาดังกล่าว โอกาสในการขอสินเชื่อจากธนาคารก็ยิ่งจะน้อยลงทำให้ต้องหันไปหาแหลงเงินกู้นอกระบบที่มีต้นทุนทางการเงินสูงมาก
ด้านสถาบันการเงินมาตรการนี้จะทำให้การปล่อยสินเชื่อยากยิ่งขึ้น เนื่องจากการพิจารณาโดยวิเคราะห์จากงบการเงินที่ยื่นต่อสรรพากร คงจะมีผู้ประกอบการ SMEs น้อยรายที่อยู่ในข่ายอนุมัติเงินกู้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สถาบันการเงินจะต้องเร่งถ่ายทอดความรู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการมีผลิตภัณฑ์ทางด้านสินเชื่อที่สนับนุนให้กับผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีเพียงธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว) ได้เปิดตัวแคมเปญสินเชื่อ SMART SMEs บัญชีเดียว วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ให้กู้สูงสุดรายละ 15 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำเพียง 5% ในปีแรกปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน
รัฐบาลจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ท่านผู้ประกอบการถือปฎิบัติ เพราะยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่เข้าใจว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2562 การประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2561 จึงต้องซักซ้อมแนวปฏิบัติที่ชัดเจนกับสถาบันการเงิน
น่าเห็นใจท่านผู้ประกอบการ SMEs มากครับ เพราะปัจจุบันการเข้าถึงสถาบันการเงินก็ยากอยู่แล้ว นอกจากจะต้องถูกตรวจสอบเครดิตบูโรแล้ว ธปท.ยังมีมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ในปี พ.ศ.2554 ธปท ยังเคยออกประกาศฉบับที่ สนส 7/2554 ให้ธนาคารพาณิชย์ ตรวจสอบประวัติของผู้กู้ หากมีคดีแพ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มิให้ปล่อยสินเชื่อ
เมื่อต้องใช้มาตรการบัญชีเดียว หากไม่เร่งรีบปรับตัว ก็คงจะอยู่รอดยากในสภาวะเศรษกิจตกต่ำ ทำมาหากินลำบากอยู่แล้ว
มาตราการบัญชีเดียวเป็นเรื่องที่จะต้องปฎิบัติตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงไม่ได้ เริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ครับ SMEsต้องบัญชีเดียว....