ไฟไหม้

ไฟไหม้

ข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ในไทยปีนี้ คงไม่มีข่าวไหนใหญ่ไปกว่าข่าวอุบัติเหตุรถทัศนาจรที่พาเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาจากต่างจังหวัด มาทัศนศึกษาในพื้นที่ภาคกลางและต่อมาถึงในเขตกรุงเทพฯ ทำให้เด็กนักเรียนเล็กๆ เสียชีวิตไปมากมาย

แม้กระทั่งครูที่ทำหน้าที่คอยดูก็เสียชีวิตไปด้วยหลายท่าน หลังจากเกิดเหตุน่าเศร้าสลดไปแล้ว ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อโลกเราทุกวันนี้ อยู่กับโลกการสื่อสารไร้พรมแดน การวิพากษ์วิจารณ์จึงมีทั้งมีเหตุมีผล และในรูปแบบของการด่ากราดไร้สาระ

ผมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แม้แต่น้อย แต่เมื่อเกิดเหตุเกี่ยวกับรถยนต์ และเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ หรือที่ภาษาสมัยนี้เรียกกันว่า “เป็นกระแส” หรือเป็น “ไวรัล” ผมก็จะได้รับเกียรติจากเพื่อนที่ทำสื่อทั้งหลาย ให้ไปแสดงความคิดเห็นด้วยเป็นประจำ และทุกครั้งก็ย่อมต้องมีทั้งคนชม และคนด่าตามสภาพสังคมที่ทุกคนมีคีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์อยู่ในมือ

และในเมื่อผมเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีรัก,โลภ,โกรธ,หลง ยังมีกิเลสอยู่ในใจ บางครั้งก็ยอมรับว่ามีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้าง แต่มาระยะหลังๆ เมื่อมีอายุมากขึ้นและเจอมาบ่อยครั้งมากขึ้น ก็ทำใจปลงได้มากขึ้น ยกเว้นแต่บางรายที่เกินเลยไปจนถึงขั้นลามปาม ผมก็ต้องอาศัยกฎหมายเข้ามาตัดสิน นั่นคือการแจ้งความฟ้องร้องกันไป

เหตุที่เกิดเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมานั้น ต้นเหตุจริงก็คือการดัดแปลงสภาพรถจนไม่อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัย พูดง่ายๆ ก็คือเป็นรถบัสที่แจ้งจดทะเบียนว่า มีการดัดแปลงใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (NGV) เป็นเชื้อเพลิง โดยเอกสารทางการคือสมุดคู่มือจดทะเบียนประจำรถนั้น ระบุเอาไว้ว่าเริ่มต้นติดตั้งถังก๊าซแค่ ๓ ถัง หลังจากนั้นก็ไปแจ้งว่าทำการติดตั้งเพิ่มอีก ๓ ถัง รวมทั้งสิ้นเป็น ๖ ถัง แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุแล้วตรวจสอบพบว่า ติดตั้งเอาไว้ทั้งหมดถึง ๑๑ ถัง ที่ร้ายกว่านั้นก็คือตำแหน่งที่ติดตั้งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานว่าด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะ ๒ ถังที่อยู่ค่อนมาทางด้านหน้าของตัวรถ โดยแยกกันอยู่ฝั่งซ้ายและขวาของตัวรถฝั่งละถัง

เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุขึ้นบริเวณด้านหน้าฝั่งขวา ที่มีถังก๊าซ ๑ ถังติดตั้งอยู่บริเวณนั้นด้วย ประกายไฟที่เกิดจากอุบัติเหตุบวกกับการติดตั้ง หรือการเดินท่อก๊าซที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้ทันที และลุกลามไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งวัสดุที่ติดตั้งในรถ เช่น พรมปูพื้นรถ, วัสดุหุ้มเบาะนั่ง, ผ้าม่าน ล้วนเป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย และเมื่อติดไฟแล้วก็จะมีกลุ่มควันดำโขมงเกิดขึ้น ทำให้คนที่อยู่ในรถสำลักควัน และไม่สามารถมองเห็นทางที่จะหนีไฟได้สะดวก

บวกกับการพิสูจน์หลักฐานพบว่าประตูฉุกเฉินไม่สามารถเปิดออกได้ จึงเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งรายละเอียดต่างๆ คงปรากฏในข่าวกันไปมากมายแล้ว ผมเพียงแต่อยากจะมาพูดถึงเรื่องการป้องกันไฟไหม้ และวิธีการรับมือ โดยอาศัยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องกระตุ้น ให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาสนใจกันให้มากขึ้น เพราะปรกติทุกครั้งเมื่อพูดถึงการป้องกัน หรือพูดถึงความปลอดภัย คนใช้รถมักจะไม่ค่อยให้ความสนใจกันมากนัก

ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ทุกยี่ห้อ ต่างติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นต้นกำเนิดพลังงาน เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจำนวนมาก ในขณะเดียวกันเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยไปหาซื้ออุปกรณ์ที่ใช้กับไฟฟ้าต่างๆ มาใช้งาน โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์เหล่านั้นมีมาตรฐานความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ ทำให้เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจากอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านั้น จึงทำให้เกิดไฟไหม้ในรถยนต์ขึ้นมาได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอันดับแรก เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ใดๆก็ตาม ที่เกี่ยวพันกับระบบไฟฟ้า ให้แยกวงจรไฟฟ้าออกไปต่างหาก อย่าเอาไปรวมกับวงจรไฟฟ้าของอุปกรณ์อื่นๆ เวลามีปัญหาจะได้ไล่วงจรได้ง่ายและแม่นยำ และวงจรไฟฟ้าที่ติดตั้งใหม่ต้องติดตั้งฟิวส์เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเมื่อมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสูง จนเกิดไฟไหม้จากฉนวนหุ้มสายไฟร้อนจัดแล้วลุกไหม้ขึ้นมา

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผมมักจะย้ำเตือนอยู่เสมอๆ ก็คือ อย่าประมาทด้วยการผัดวันประกันพรุ่ง เพราะมักจะมีผู้ใช้รถยนต์ถามมาบ่อยๆว่า “มีกลิ่นเหม็นไหม้เกิดขึ้นในรถ ผม/ดิฉัน จะยังใช้รถต่อไปได้อีกนานหรือไม่” หรือเมื่อผู้ใช้รถพบว่ามีอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าชำรุด ก็ยังใช้งานต่อไป ไม่รีบไปหาช่างเพื่อตรวจและซ่อมแซม จงจำไว้ว่าเมื่อได้กลิ่นเหม็นไหม้ ไม่ว่าจะมาจากในห้องโดยสารหรือมาจากห้องเครื่องยนต์ หรือมาจากส่วนหนึ่งส่วนใดก็ตาม ต้องรีบนำรถไปหาสาเหตุและทำการซ่อมแซมโดยเร็ว

หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะปัจจุบันนี้มีอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าขายออนไลน์มากมาย ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากจีน ผู้ใช้รถยนต์จำนวนไม่น้อยนิยมซื้อมาใช้เพราะเห็นว่าราคาถูก และมีรูปร่างหรือสีสันสวยงาม อีกทั้งหลีกเลี่ยงเครื่องประดับในรถที่เป็นวัสดุไวไฟ เช่น พรมปูแผงหน้าปัดที่เป็นพวกใยสังเคราะห์ซึ่งติดไฟง่าย หรือวัสดุหุ้มเบาะรถที่มีรูปและลวดลายสวยงาม แต่เป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย และในปัจจุบันนี้นับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด ๑๙ ขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากก็ยังหวาดระแวงกับไวรัสดังกล่าว จึงนำเอาแอลกอฮอล์ในรูปแบบต่างๆ ติดไว้ประจำรถ จึงต้องแน่ใจว่าไม่อยู่ในตำแหน่งที่อาจจะเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมาได้

และหากเป็นไปได้ควรหาซื้อเครื่องมือดับเพลิงเอาไว้ประจำรถ โดยต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่า เครื่องมือดับเพลิงชนิดไหน มีขีดความสามารถในการดับไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงอะไร เพราะไฟที่ลุกไหม้จากน้ำมันเชื้อเพลิง, ก๊าซ และแบตเตอรี่ประเภทต่างๆ ต้องการสารเคมีดับเพลิงต่างชนิดต่างประเภทกัน อีกทั้งต้องศึกษาวิธีการดับไฟในรูปแบบต่างๆ เอาไว้บ้าง

ท้ายที่สุดหากมีกลุ่มควันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในห้องโดยสารหรือในห้องเครื่อง หรือบริเวณล้อรถก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าจะเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นหรือไม่ และประเมินความสามารถของตัวเองแล้วว่า คงไม่สามารถรับมือกับไฟที่จะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ให้รีบจอดรถแล้วพาตัวเองออกห่างจากรถอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในเวลาเดียวกันด้วย

และต้องจำไว้เสมอว่าไฟจะลุกไหม้รวดเร็วมากขึ้น เมื่อมีออกซิเจนไหลเข้าไปในกองไฟ ดังนั้นหากพบว่ามีกลุ่มควันเกิดขึ้นในห้องเครื่องยนต์ หรือพบเห็นว่ามีเปลวไฟเกิดขึ้นเล็กๆ ในห้องเครื่อง อย่าเปิดฝากระโปรงห้องเครื่องเด็ดขาด เพราะจะทำให้มีเปลวไฟพุ่งสวนออกมาลวกใบหน้าของเราได้ 

การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ใช้รถตามมาตรฐานผู้ผลิต และหมั่นตรวจรถอยู่เป็นประจำครับ