ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

อีโค คาร์ รถยนต์ที่อยู่ในโครงการส่งเสริมจากภาครัฐ เป็นกลุ่มรถที่ได้รับความนิยมสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ขณะที่ตัวรถก็พัฒนาขึ้นมา ทั้งด้านสมรรถนะ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมไปถึงโครงสร้างตัวถัง ห้องโดยสารที่เอื้อประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น 

ช่วงนี้รถยนต์อีโค คาร์ ก็อาจจะเหนื่อย ๆ หน่อย กับทั้งภาวะตลาดรวมรถยนต์ที่หดตัวอย่างรุนแรง รวมถึงการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี อย่างต่อเนื่อง

แต่จริงๆ แล้ว อีโค คาร์ ก็ยังคงมีจุดขาย โดยฉพาะสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องเดินทางมากกว่าการขับขี่แค่ในเมือง เพราะอย่างไรเสียก็ยังมีความสะดวกมากกว่า ขณะที่ด้านค่าใช้จ่ายพลังงานนั้นแน่นอนว่าสูงกว่า อีวี แต่อัตราสิ้นเปลืองของทุกยี่ห้อที่ทำได้ดี ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้ายอมรับได้ 

ด้านการใช้งานก็ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ไปไหนก็ได้ทั้งนั้น และเมื่อไม่นานมานี้นิสสันจัดทริป “Waycation: ขับสนุกตามแสงตะวัน” เริ่มจากริมโขงนครพนม ปลายทางแม่สอด แต่ผมขอหยุดแค่ขอนแก่นพอก่อนส่งไม้ต่อให้คนอื่นขับต่อไป ซึ่งก็ได้ระยะทางประมาณ 320 กม.

กิจกรรมนี้เป็นการเปิดเส้นทางท่องเที่ยว และลองการใช้งานจริงไปในตัวกับรถ 2 รุ่น คือ “คิกส์ อี-พาวเวอร์” และ "อัลเมร่า" ซึ่งรถที่อยู่กับผมก็คือ อัลเมร่า อีโค คาร์ คันเก่งของนิสสันนี่แหละครับ 

เส้นทางเริ่มจากนครพนม มาทางสกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เส้นทางมีความหลากหลาย ทั้งทางผ่านชนบท ท้องไร่ท้องนา เส้นทางเล็ก ๆ แคบ ๆ ทางหลวงระหว่างเมือง และเส้นทางภูเขา แน่นอนต้องผ่านจุดเช็คอินที่โด่งดังของภาคอีสานอย่าง “โค้งปิ้งงู” ซึ่งอยู่เขตภูพาน สกลนคร

แต่ถ้าใครท่องโซเชียลก็ระวังถูกหลอกกันนะครับ เห็นมีคนเอาภาพจากที่อื่น ๆ เช่น ถนนในญี่ปุ่นมาระบุว่าเป็นโค้งปิ้งงู

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

บรรยายเส้นทางมาก็เพื่อให้เห็นว่าการขับครั้งนี้มีเส้นทางที่หลากหลาย และทำให้ได้เรียนรู้สมรรถนะของรถ และดูว่ามันสามารถไปไหนมาได้สะดวกแค่ไหนสำหรับ อีโค คาร์

สรุปก่อนเลยก็ได้ว่า สบายๆ ครับ กับเส้นทางที่ผมขับ ไม่ว่าจะทางราบหรือทางเขา ทางตรงหรือทางโค้ง

จุดเด่นของอัลเมร่า คือ ความสามารถในการควบคุมรถครับ เป็นอีโค คาร์ ที่เซ็ทช่วงล่างมาได้ดี จะปิ้งงูหรือไม่ปิ้งงู หรือ โค้งอื่นๆ อัลเมร่าจัดการได้ดี รถแม่นกับโค้ง ทำให้ขับได้สนุก และการเดินทางลื่นไหล เกาะไปกับพรรคพวก คิกส์ ได้สบายๆ 

จังหวะเข้าออกโค้งทำได้เนียน การโยนตัวน้อย ซึ่งหลังๆ ในตลาดปัจจุบันเราจะเจอรถที่โยนตัวโหด ๆ หลายคน ขณะที่อารมณ์หน้าดื้อไม่มี อาการท้ายออกมีบ้างกับความเร็วที่ใช้ แต่ทั้ังหมดไม่อยู่ในวิสัยเกินควบคุม มันแค่ประท้วงความเร็วกับเส้นทางให้พอรู้ตัวเท่านั้น แต่ไม่ทำอะไรเกินเลย 

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

ในเส้นทางทั่วไป อัลเมร่าเป็นรถที่ขับแล้วไม่เหนื่่อยกับการใช้ความเร็วระดับกฎหมายกำหนด หรืออาจจะเผลอ ๆ สูงไปกว่านั้นบ้างบางช่วง ทำให้การเดินทางไกล ๆ ไม่เหนื่อย ยิ่งเจอกับวิวทิวทัศน์ที่หลากหลายและสวยงาม จุดแวะพัก และอาหารท้องถิ่นแซ่บ ๆ  ก็ทำให้กว่า 300 กม. แทบไม่ต้องออกแรงอะไร

จะมีที่อยากได้เพิ่มเติมอีกเล้กน้อย คือ พวงมาลัย หากปรับให้ได้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้นก็จะดีขึ้น

ส่วนการตอบสนองของเครื่องยนต์ 1 ลิตร เทอร์โบ รองรับได้ทั้งการทำความเร็ว การเร่งแซง หรือ การปืนไต่เขา ไม่มีจังหวะให้ต้องลุ้นอะไร แต่ทั้งนี้อยู่บนพื้นฐานที่เราต้องรู้ตัวครับว่าเราขับรถอะไรอยู่ ขับอีโค คาร์ หรือขับสปอร์ตคาร์ 

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

แต่ก็ยืนยันได้ว่า ไม่เป็นภาระให้รถคันอื่นบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นจังหวะขึ้น-ลง เขา หรือช่วงเร่งเแซง แม้ว่าบางช่วงที่ต้องการเพิ่มความเร็วแบบเร่งด่วน ที่ต้องเค้นกำลังเครื่องยนต์แบบจุ่มเท้าลงไปหนัก ๆ บ้างก็ตาม

ทริปนี้ผมเดินทาง 2 คน พร้อมสัมภาระครับ

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

ส่วนของห้องโดยสาร ก็ยังคงเป็นจุดเด่นของ อัลเมร่า ในตลาด อีโค คาร์ ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ซึ่งเรื่องของการจัดวางห้องโดยสาร ออกแบบเบาะ ตำแหน่งการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งด้วยมือหรือเท้า ก็ยังคงเป็นจุดเด่นของแบรนด์ญี่ปุ่นแทบทุกแบรนด์

คำตอบที่ได้มันจะอยู่ที่ว่าเมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้วใช้เวลาปรับนานแค่ไหน และปรับครั้งสองครั้งจบหรือต้องปรับกันตลอดทาง

ท่องอีสาน นิสสัน อัลเมร่า “อีโค คาร์” ไปไหนก็ได้

และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางหลายร้อย กม. แล้ว อยากจะลงไปนั่นดื่มกาแฟร้อนๆ หรือว่ามองหาร้านนวดแบบเร่งด่วนกันแน่