“หากทรัมป์ชนะ เศรษฐกิจโลกป่วน ส่งออกไทยพัง?”

“หากทรัมป์ชนะ เศรษฐกิจโลกป่วน ส่งออกไทยพัง?”

การพึ่งพารายได้เข้าประเทศจากการส่งออก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของไทย และเป็นประเทศที่ไทยได้เปรียบดุลการค้ามากที่สุด ก็จะทำให้เกิดวิกฤติการส่งออก และสะเทือนต่อเศรษฐกิจไทยเป็นวงกว้าง

กระแสรีพับลิกันกำลังพุ่งแรง ขณะที่เดโมแครตกำลังระส่ำระสาย ว่าจะเปลี่ยนตัวผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่

การเลือกตั้งครั้งสำคัญของสหรัฐเหลือเวลาอีกไม่นาน ทิศทางการเมืองสหรัฐจะเป็นอย่างไร ผลกระทบต่อโลกจะเฉียบพลันเพียงใด ไทยจะปรับตัวอย่างไร?

18 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 เป็นวันที่ 4 และวันสุดท้ายของการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน 

เพื่อคัดสรรจัดผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024

ขณะนี้ความมั่นใจของฝ่ายรีพับลิกันเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ คืออดีตประธานาธิบดีทรัมป์แสดงอำนาจบารมีได้รับการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น และบุคคลที่เขาตัดสินใจเสนอชื่อให้ความไว้วางใจเป็นผู้เข้าแข่งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและบริหารประเทศร่วมกันเป็นเวลาสี่ปีข้างหน้านั้นสร้างความประหลาดใจให้หลายคน เนื่องจากเป็นคนวัยหนุ่มอายุเพียง 39 ปีและเพิ่งเข้าสู่การเมืองเพียงแค่สองปีเท่านั้น

การพยายามลอบสังหารทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม ขณะที่หาเสียงอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย แต่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด ทำให้เกิดกระแสแห่งความสงสารเห็นใจ และกระตุ้นความกระตือรือร้นจากผู้สนับสนุน เพิ่มรสชาติของการหาเสียงในฤดูกาลเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์

ทิศทางของการเมืองสหรัฐจะถูกกำหนดชัดเจนเมื่อผลการเลือกตั้งสรุปในต้นเดือนพฤศจิกายน แต่การประเมินล่วงหน้าจากโพลต่างๆส่งสัญญาณว่าทีมผู้ท้าชิงฝ่ายรีพับลิกันมีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งค่อนข้างมากนั้น ทำให้หลายฝ่ายทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลทั่วโลกต้องเตรียมมาตรการไว้หลายแง่มุม เพื่อปรับยุทธศาสตร์ของประเทศตนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสหรัฐซึ่งเป็นผู้นำทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในระเบียบโลกปัจจุบัน

นโยบายที่ประกาศเป็นทางการของรีพับลิกันในการหาเสียงนั้นเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นแนวทางวิเคราะห์บ้าง แต่หากจะรู้ให้แน่ชัดว่าเจตนาที่แท้จริงนั้นคืออะไร “วิธีหนึ่งคือวิเคราะห์ที่ทรัมป์ตัดสินใจเลือก J. D. Vance เป็นรองประธานาธิบดี”

ผู้เชี่ยวชาญการเมืองหลายคนวิเคราะห์ในเบื้องต้นว่า เหตุแห่งการที่ Vance ถูกเลือกเนื่องจากมีพื้นฐานการเติบโตมาจากครอบครัวที่สู้ชีวิต ประสบความสำเร็จจากการมุ่งมั่นทำงานและการศึกษา เคยเป็นทหารนาวิกโยธิน เรียน จบรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในรัฐโอไฮโอ และจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ รวมทั้งสมรสกับภรรยาซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำและเป็นทนายความที่มีชื่อเสียง มีบุตรธิดารวมกันสามคน เคยเขียนหนังสือสะท้อนถึงความเป็นอยู่ของคนยากไร้ ท่ามกลางความเอาเปรียบของระบบทุนนิยมซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีมากและถูกนำมาดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์ สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ได้รับคะแนนเสียงเพิ่มในรัฐตะวันตกกลางของสหรัฐฯที่เป็นฐานการผลิต ทั้งเกษตรกรรมและโรงงานต่างๆ ซึ่งคะแนนเสียงเหล่านี้จะต้องชนะให้ได้ หากต้องการที่จะเป็นผู้ควบคุมอำนาจในทำเนียบขาวในสมัยหน้า

แต่ผมอยากจะชวนท่านผู้อ่านวิเคราะห์ร่วมกันเชิงลึกว่า การเลือกVanceมาเป็นรองประธานาธิบดี อาจเกินกว่าเหตุของการชนะการเลือกตั้ง แต่เป็นการคิดไกลไปถึงขั้นบริหารประเทศว่า นโยบายอนุรักษ์นิยมประชานิยมขวาจัดที่ยกความสำคัญของอเมริกามาก่อน เข้มงวดกับคนเข้าเมือง รวมทั้งเผชิญหน้ากับจีนอย่างรุนแรง และที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูความเป็นอเมริกันในทัศนคติที่ใฝ่ฝัน คือครอบครัวอยู่ได้สบายโดยรายได้ของบุคคลคนเดียวในสังคมที่มีความปลอดภัย และมีประเพณีวัฒนธรรมย้อนยุค พ่อบ้านเป็นหลักของครอบครัว และแม่บ้านมีความอุ่นใจว่าชีวิตจะมั่นคง และอเมริกาจะมีโอกาสสร้างฐานประชากรเพิ่มโดยแต่ละครอบครัวอาจมีลูกมากขึ้นเป็น 3-5 คนเช่นในสมัยเก่า

นโยบายเผชิญหน้ากับจีนด้วยการตั้งกำแพงภาษี และมองจีนว่าเป็นศัตรูมากกว่าเป็นคู่แข่งขัน โดยปิดกั้นสินค้าจากจีนโดยกำแพงภาษีสูงขึ้นถึง 60% ขึ้นไป ขณะที่สินค้าจากประเทศอื่นๆจะถูกเก็บภาษีนำเข้า 10%

และยังมีการประกาศนโยบายสุดโต่งอีกหลายอย่าง ที่หลายคนเคยคิดว่าเป็นการพูดเพื่อหาเสียง

แต่เมื่อTrumpตัดสินใจเลือกVanceก็ทำให้ยิ่งเห็นถึงเจตนาที่จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และหาก Trumpวางมือจากการเมืองหรือทำต่อไปไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ากระแสนี้จะหายไป แต่จะมีVance และบุคคลอื่นๆมาสานต่อเป็นทายาททางการเมืองในแนวนี้ต่อไป

อเมริกาจะโดดเดี่ยวและบทบาทของการเป็นผู้นำโลกในระเบียบปัจจุบันก็จะเปลี่ยนอย่างเฉียบพลัน เริ่มตั้งแต่ปีหน้า 2025 เป็นต้นไป

หากTrumpและVanceชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

สินค้าที่จีนส่งเข้าสหรัฐไม่ได้ ก็จะต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งจะทำให้หลายประเทศดีใจในระยะแรกที่ได้สินค้าเหลือล้นในราคาถูก แต่ก็จะต่อต้านจีนในที่สุดเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศของตนเองพังทลายลง เนื่องจากไม่สามารถจะสู้กับสินค้าจากจีนได้

อุตสาหกรรมของไทยหลายประเภทจะถูกผลกระทบในทางลบอย่างเฉียบพลันจากภาษีนำเข้า 10% ของรัฐบาลTrump และจะถูกผลกระทบทางอ้อมจากสินค้าจีนที่ผันจากอเมริกาไปที่อื่น

การพึ่งพารายได้เข้าประเทศจากการส่งออก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของไทย และเป็นประเทศที่ไทยได้เปรียบดุลการค้ามากที่สุด ก็จะทำให้เกิดวิกฤติการส่งออก และสะเทือนต่อเศรษฐกิจไทยเป็นวงกว้างยังมีโอกาสอีกหลายเดือนที่เจ้าของแชมป์แห่งทำเนียบขาวคือพรรคเดโมแครตจะใช้ทุกกลยุทธ์หาเสียงตีตื้นขึ้นมาให้ทัน และเคยทำได้แล้วเมื่อครั้งปี ค.ศ. 2020 แต่ครั้งนี้มีโจทย์ใหญ่คือประธานาธิบดีBiden มีวัยสูงและสุขภาพเสื่อมคลาย จึงเห็นการเสนอจากคนใกล้ชิดและผู้นำภายในพรรค ให้รีบพิจารณาเปิดทางให้ผู้อื่นเข้าเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อจะมีเวลาระดมสร้างความนิยมและหาเสียงได้ทัน

หากพรรคเดโมแครตได้เป็นฝ่ายบริหารของสหรัฐต่ออีกสมัยหนึ่ง และหากเสียงข้างมากของวุฒิสภา รวมทั้งสภาผู้แทนเป็นของเดโมแครตด้วย ก็จะทำให้การเมืองของสหรัฐมั่นคงในแนวเดิม และไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงสวนกระแสปัจจุบัน

โอกาสของเดโมแครตที่จะชนะการเลือกตั้ง ถึงแม้โพลต่างๆในขณะนี้ยังเป็นฝ่ายตามอยู่ ยังมีแน่นอน เนื่องจากประสบการณ์ในการรณรงค์หาเสียงอย่างช่ำชอง และปัจจุบันมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่างๆเข้ามาช่วย

ใครก็ตามที่เป็นผู้แทนของเดโมแครตซึ่งได้รับการเลือกสรรเป็นทางการจากการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่ 19-22 สิงหาคมนี้ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้

ผมจะติดตามอย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบโดยละเอียดเนื่องจากการเลือกตั้งของสหรัฐนั้นมีผลกระทบต่อไทยและทั่วโลก อุณหภูมิการเมืองสหรัฐร้อนมาก ไม่ต่างกับอุณหภูมิการเมืองบ้านเรา ที่ร้อนรุ่มท่ามกลางเศรษฐกิจไทยแลนด์ที่น่าเป็นห่วงครับ