โลกใบนี้อาจไม่เหมือนเดิม ถ้า ‘ทรัมป์’ ชนะเลือกตั้ง!
วันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งน่าจะทราบผลแบบไม่เป็นทางการใน 1-2 วันนี้แล้ว เชื่อว่าคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้น่าจะเอาใจช่วยให้ “คามาลา แฮร์ริส” แห่งพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง
เพราะนโยบายในด้านต่างๆ ของเธอดูจะเป็นมิตรมากกว่าของ “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน ที่สำคัญความเสี่ยงในด้านเศรษฐกิจจากนโยบายของ “แฮร์ริส” ดูจะน้อยกว่าของ “ทรัมป์” ค่อนข้างมาก
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่า ถ้าเขาชนะการเลือกตั้งสิ่งที่เขาจะทำเป็นอันดับแรกๆ คือ การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60% และภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 10% ...แน่นอนว่านโยบายนี้สั่นสะเทือนทั้งโลกโดยเฉพาะจีน
ในขณะที่นโยบายด้านการค้าของ แฮร์ริส ส่วนใหญ่เน้นสานต่อจาก “โจ ไบเดน” ที่กำลังกลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และอาจมีขึ้นภาษีสินค้านำเข้าบ้างในบางส่วน แต่นโยบายส่วนใหญ่ไม่สุดโต่งเท่ากับของโดนัลด์ ทรัมป์
มาดูกันว่าถ้า “ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้ง ผลต่อโลกจะเป็นอย่างไร ...สำนักวิจัยต่างๆ ประเมินตรงกันว่า ความปั่นป่วนจะกลับมาอีกครั้ง เพราะนโยบายสุดโต่งของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% และกับประเทศอื่นๆ อีก 10% จะทำให้การค้าโลกหดตัวหนัก กระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เตือนไว้ว่า หากเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ เศรษฐกิจโลกอาจหดตัวราว 7% หรือเทียบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของฝรั่งเศส และเยอรมนี หมายความว่าโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย
ที่กล่าวมาข้างต้นคือ ผลกระทบทางตรงที่ทั้งโลกรวมทั้ง “ไทย” ต้องเผชิญหากทรัมป์นำนโยบายที่หาเสียงเอาไว้มาใช้จริง ยังมีผลกระทบทางอ้อมที่ไทยอาจเผชิญศึกหนักจากนโยบายของทรัมป์ นั่นคือ สินค้าจากจีนที่ไม่สามารถส่งเข้าไปขายยังสหรัฐได้เนื่องจากกำแพงภาษีที่สูงขึ้นถึง 60% สินค้าเหล่านี้ย่อมต้องไหลทะลักไปยังประเทศต่างๆ ที่ส่งเข้าไปขายได้โดยง่าย ...คงไม่ต้องนึกอะไรมาก เพราะหนึ่งในนั้นย่อมต้องมีประเทศไทยด้วยแน่ๆ ประเด็นคือ ทุกวันนี้สินค้าจากจีนก็ทำให้ผู้ประกอบการไทยปิดตัวไปจำนวนมากแล้ว ถ้าอนาคตไหลทะลักเข้ามามากขึ้น คิดไม่ออกว่าพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะเป็นอย่างไร เราอาจเห็นข่าวการปิดตัวของโรงงานต่างๆ ที่มากขึ้นก็ได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
อีกประเด็นที่ต้องคิดเผื่อเอาไว้ในอนาคตคือ ถ้าทั้งโลกหันมาตั้งกำแพงภาษีใส่กัน เศรษฐกิจไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกสินค้าในสัดส่วนที่สูงถึง 60% ต่อจีดีพี จะเป็นอย่างไรต่อไป ภาคอุตสาหกรรมไทยจะได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้มากน้อยแค่ไหน แล้วอะไรที่พอจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเพื่อมาทดแทนการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากการค้าโลกที่หดตัวได้บ้าง เราคิดว่ารัฐบาลควรต้องรีบวางแผนรับมือเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว!