'ซื้อหนี้ประชาชน' ระวังดาบสองคมแก้ 'หนี้ครัวเรือน'

'ซื้อหนี้ประชาชน'  ระวังดาบสองคมแก้ 'หนี้ครัวเรือน'

ปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าระดับหนี้ครัวเรือนระดับ 89 -90% ในปัจจุบัน จะขับเคลื่อนหรือ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรก็ทำให้จีดีพีเติบโตได้ยาก

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลังบอกว่าหนี้ที่สูงในระดับนี้ไม่เพียงกระทบกับการใช้จ่ายในประเทศ แต่กระทบกับมุมมองและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถ้าหนี้ยังสูงระดับนี้การตัดสินใจเข้ามาลงทุนของต่างชาติก็ยากเพราะกังวลว่าคนในประเทศนี้จะมีกำลังซื้อเพียงพอหรือไม่

นโยบายหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้คือการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของประชาชนออกจากสถาบันการเงิน เพื่อลดภาระหนี้และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแนวคิดนี้ถูกพูดโดยอดีตนายกฯทักษิณและรับลูกกันเป็นทอดจากคนในรัฐบาล

แนวคิดนี้มีเป้าหมายหลักในการช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้เสีย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ให้สามารถกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดภาระของสถาบันการเงิน และช่วยให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมมีความมั่นคงมากขึ้น

อีกแง่หนึ่งนโยบายนี้คือการลดภาระหนี้ครัวเรือน โดยเมื่อซื้อ NPL ออกมาจากสถานบันการเงินจะช่วยลดภาระหนี้สินของประชาชน ทำให้มีเงินเหลือสำหรับการใช้จ่าย ประชาชนที่อยากกู้เงินเพื่อมาทำอาชีพแต่ยังติดเครดิตบูโรก็จะมีทางออกมากขึ้นเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจสถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้น สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้

หากจะเดินหน้าเรื่องนี้จริงก็มีความท้าทายและข้อควรระวังโดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “moral hazard” หรือพฤติกรรมเสี่ยงทางศีลธรรม โดย Moral hazard จากการซื้อหนี้ NPL อาจส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มขาดวินัยทางการเงิน และก่อหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยหวังว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลืออีก

ดังนั้นหากจะทำเรื่องนี้จริงๆการกำหนดเกณฑ์ในการซื้อหนี้ NPL ต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยหากจะเอากลุ่มที่มีหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาทก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าจะทำเฉพาะกลุ่มนี้

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงภาระทางการคลังที่จะตามมาด้วยเพราะการซื้อหนี้ NPL อาจสร้างภาระทางการคลังให้กับรัฐบาลในระยะยาว หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี เพราะในการเดินหน้านโยบายนี้ภาครัฐอาจจะต้องใช้เงินงบประมาณเข้าไปช่วยบางส่วนในระยะแรก

ทั้งนี้เพื่อให้การซื้อหนี้ NPL เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณามาตรการเสริม เช่น กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการอย่างชัดเจนและเป็นธรรมควบคู่กับให้ความรู้และส่งเสริมวินัยทางการเงินแก่ประชาชน เพื่อป้องกันการก่อหนี้เสียในอนาคต รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลกระทบของนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

โดยสรุปการซื้อหนี้ NPL เป็นนโยบายที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและป้องกันปัญหา moral hazard เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม โดยต้องคำนึงว่ามาตรการลักษณะนี้้เป็นเสมือนดาบสองคมที่อาจดีต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่อาจส่งผลกระทบตามมาในระยะยาวได้