ศรัทธาการเมืองฟื้นเศรษฐกิจ

ศรัทธาการเมืองฟื้นเศรษฐกิจ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่เป็นเพียงการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามกลไกรัฐสภาเท่านั้น แต่เป็นจุดวัดความเข้มแข็งของ “เสถียรภาพทางการเมืองไทย”

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความผันผวนรอบด้าน การอภิปรายครั้งนี้ จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ที่กำลังจับตามองสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดขณะที่เศรษฐกิจไทย ยังต้องการปัจจัยบวกพลิกฟื้นเศรษฐกิจรัฐบาลจึงต้องสร้างความมั่นใจว่าการบริหารประเทศจะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด เพราะทุกย่างก้าวของรัฐบาลล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน บริษัทข้ามชาติ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศ

ที่น่ากังวลไม่น้อย คือ การอภิปรายครั้งนี้เกิดขึ้น จังหวะที่โลกกำลังเผชิญเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำหนดมาตรการเชิงกีดกันทางการค้าอย่างเต็มที่รวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ การสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองในช่วงเวลานี้จึงอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการตอบโต้นโยบายกีดกันทางการค้าและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ปมภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ และการแบ่งขั้วอำนาจใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ยิ่งทำให้ประเทศไทยต้องชัดเจนในการวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของประเทศ การขาดเสถียรภาพทางการเมือง อาจทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสสร้างพันธมิตรเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการเข้าร่วมในข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคที่สำคัญ การอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงควรเป็นโอกาสในการแสดงวิสัยทัศน์ของทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านต่อการวางตำแหน่งของประเทศไทยในเวทีโลก

ดังนั้นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงการอภิปรายในเรื่องต่างๆ ควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้นักลงทุนและพันธมิตรทางเศรษฐกิจของไทย มองการอภิปรายครั้งนี้ในแง่บวก เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ซึ่งระยะยาวจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและธรรมาภิบาลของประเทศ

สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในห้วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ คือ การเมืองที่มีวุฒิภาวะ และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ควรเป็นพื้นที่ในการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายระดับโลก มากกว่าการโจมตีกันบนพื้นฐานของความขัดแย้งส่วนตัว หรือผลประ