ระบอบบ้านใหญ่ “ชาดา-สุนทร” สะท้อนการเมืองอุปถัมภ์เฟื่องฟู
คอลัมน์มังกรซ่อนพยัคฆ์ / “ชาดา ไทยเศรษฐ์” เปิดบ้านดอนหมื่นแสน จัดงาน The Goodfather ฉลองวันเกิดครบ 61 ปี โชว์บารมี “หลาดา” แห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง - “สุนทร วิลาวัลย์” อดีต ส.ส. 8 สมัย ยังหลบหนีการจับกุมในคดีรุกป่าเขาใหญ่ รอดหรือไม่ บทพิสูจน์อิทธิพล “โกทร” บ้านใหญ่ลุ่มน้ำบางปะกง
ชัยชนะของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในศึกผู้ว่าฯ กทม. ตามมาด้วยเสียงเรียกร้องการกระจายอำนาจเต็มรูปแบบ และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
ในมิติทางการเมือง ชัชชาติแลนด์สไลด์ สะท้อนภาพสองนคราประชาธิปไตย ยุคเจนใหม่ ตัวอย่างคนเมืองหลวงเลือกชัชชาติ แต่คนอุทัยธานียังเลือกตระกูลไทยเศรษฐ์ และคนปราจีนบุรี ก็ยังเลือกตระกูลวิลาวัลย์
คำว่า “บ้านใหญ่” หรือระบบอุปถัมภ์ท้องถิ่นนิยม กลายเป็นสินค้าการเมืองยอดนิยมที่หลายพรรคการเมืองเลือกใช้ในฤดูการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคที่ไม่มีจุดขายเรื่องกระแส
ดังจะเห็นได้จากการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย จึงเจรจาดึงนักการเมืองบ้านใหญ่ เข้ามาอยู่ในสังกัด เพื่อต่อกรกับพรรคเพื่อไทยที่ยังขายกระแสทักษิณ
ก่อนเลือกตั้ง แกนนำภูมิใจไทย ได้ให้สัญญากับบ้านใหญ่ ด้วยโควตารัฐมนตรี ถ้าทำได้ตามเป้า ส.ส. 3 ที่นั่งต่อ 1 เก้าอี้ ฉะนั้น ชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่คว้า 2 ที่นั่งจากอุทัยธานี และ 1 ที่นั่งจากนครสวรรค์ จึงได้ รมช.เกษตรฯ ส่วนสุนทร วิลาวัลย์ คว้า 3 ที่นั่งจากปราจีนบุรี ได้ รมช.ศึกษาฯ
จริงๆแล้ว สรอรรถ กลิ่นประทุม ประธาน ส.ส.ภาคกลาง ภูมิใจไทย ก็คาดหวังได้ 1 เก้าอี้ แต่ทีมราชบุรี-กาญจนบุรี ทำได้แค่ 2 ที่นั่ง จึงชวดเก้าอี้รัฐมนตรี
‘เจ้าพ่อสะแกกรัง’
ก่อนโควิดระบาด “ชาดา ไทยเศรษฐ์” จะจัดงานวันเกิดในวันที่ 7 มิ.ย.ของทุกปี ที่บ้านดอนหมื่นแสน ต.ดอนขวาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เปิดบ้านต้อนรับคนใกล้ชิดและหัวคะแนนหลายพันคน ประหนึ่งว่าเป็นงานประจำปีของคนอุทัยฯ
7 มิ.ย.2565 หลังโควิดคลี่คลาย ชาดากลับมาจัดงานวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ที่บ้านดอนหมื่นแสน ด้วยธีม The Goodfather 61 Years คนที่รัก “หลาดา” เดินทางมาจากทุกอำเภอของเมืองอุทัย รวมถึงแอ๊ด คาราบาว และพยัพ คำพันธุ์ ที่ยกวงดนตรีมาขับกล่อมในงานคืนนั้น
20 กว่าปี บนถนนการเมืองของตระกูลไทยเศรษฐ์ จากลูกหลานมุสลิมปาทานค้าเนื้อ (กระบือ) ชาดาได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีบริหารเทศบาลเมืองอุทัยฯ อยู่หลายปี ก่อนจะส่งต่อให้น้องสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ เป็นนายกเล็กมาจนถึงปี 2562
ชาดาตัดสินใจลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะประเมินแล้วว่า อนาคตพรรคลูกบรรหาร ไม่เฟื่องฟูแน่ จึงเข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบพื้นที่อุทัยธานี,นครสวรรค์ และกำแพงเพชร พร้อมช่วยหาเสียงในพื้นที่มุสลิมปาทานภาคกลาง และ 3 จังหวัดชายแดนใต้
หลังเลือกตั้ง ชาดากับหลานชาย เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ เอาชนะคู่แข่งในสนามอุทัยฯขาดลอย แถมบ้านใหญ่ อ.ท่าตะโก มานพ ศรีผึ้ง ชนะที่เขต 4 นครสวรรค์ เก้าอี้รัฐมนตรีจึงลอยมาในบัดดล
เบื้องแรก แกนนำภูมิใจไทย จะมอบให้ชาดา เป็น รมช.เกษตรฯเพราะเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ แต่เจอพี่น้อง 3 ป.เบรก เลยเปลี่ยนตัวเป็น มนัญญา ไทยเศรษฐ์
วันนี้ ปานัดฌา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาวชาดา เป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยฯ และเผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยฯ ก็อยู่ในเครือข่ายชาดา ตอนลงสนาม อบจ.ปี 2563 เผด็จก็ไร้คู่แข่ง เป็นนายก อบจ.สมัยที่ 4
เลือกตั้งสมัยหน้า ชาดาคาดหวังจะรักษา 2 ที่นั่งเมืองอุทัย ได้ ส.ส.เพิ่มที่นครสวรรค์ เป็น 2 ที่นั่ง และเจาะสนามประจวบฯให้ได้ 1 ที่นั่ง
‘บ้านใหญ่บางปะกง’
เส้นทางการเมืองแบบ “สุนทร วิลาวัลย์” ก็ไม่แตกต่างจากชาดา ไทยเศรษฐ์ เริ่มต้นที่เป็นนายกเทศมนตรี โดยสุนทรเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปราจีนบุรี ปี 2523
ปลายปี 2563 คนต้นน้ำบางปะกง คงไม่นึกว่า “โกทร” หรือสุนทร วิลาวัลย์ อดีต ส.ส. 8 สมัย วัย 80 กว่าปี จะลงสนามนายก อบจ.ปราจีนฯ เบื้องลึกก็มาจากป้าอ้วน-บังอร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนฯ หลายสมัย ติดบ่วงคดีเก่า เลยต้องเปลี่ยนตัวให้พี่ชายลงเล่นแทน
ปี 2539 เสนาะ เทียนทอง ชวนสุนทร ออกจากชาติไทย ไปอยู่ความหวังใหม่ มีเป้าหมายดัน พล.อ.ชวลิต เป็นนายกรัฐมนตรี หลังเลือกตั้ง สุนทร ได้เป็น รมช.สาธารณสุข ตามคำสัญญาที่ป๋าเหนาะให้ไว้
ปี 2554 โกทรเลือกที่จะไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ของเนวิน ชิดชอบ แม้โกทรจะเคยอยู่พรรคไทยรักไทยมาก่อน แต่ก็ไม่คิดอยู่พรรคเพื่อไทย เพราะต้องไปต่อคิวค่ายสระแก้วของป๋าเหนาะ
โกทรฝ่ากระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์ ได้ 2 ที่นั่งจากสนามปราจีนฯ ก็ยิ่งมีความมั่นใจว่า จะชนะยกจังหวัดได้ ดังนั้น ในงานวันเกิดปีที่ 80 ของโกทร อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงประกาศต่อหน้าหัวคะแนนโกทร ถ้าปราจีนฯ ได้ 3 ที่นั่ง ก็เอาไปเลย 1 เก้าอี้
ผลเลือกตั้งครั้งที่แล้ว โกทรนำทัพชนะยกจังหวัด ดร.โอ๊ะ หรือ กนกวรรณ วิลาวัลย์ ลูกสาวคนโตจึงได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยศึกษาฯ ตามคำสัญญา
สมัยหน้า โกทรวางแผนควบ 2 จังหวัดคือ ปราจีนบุรี 3 ที่นั่ง และนครนายก 2 ที่นั่ง โดยโกทรจับมือเสี่ยอ๋า วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก เตรียมปูทางให้ภูมิใจไทย ยึด 5 ที่นั่ง
ไม่รู้ว่า แผนยึดสองจังหวัดของสุนทร วิลาวัลย์ จะกลายเป็นฝันสลายหรือไม่ เมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กนกวรรณ วิลาวัลย์ และสุนทร วิลาวัลย์ พร้อมพวก กรณีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่
ล่าสุด สุนทร และพวกยังอยู่ระหว่างหลบหนี เนื่องจากคดีดังกล่าวกำลังจะขาดอายุความลงภายในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.2565 ส่วนกนกวรรณ ได้เข้ารายงานตัวต่ออัยการ และมีการส่งฟ้องศาลไปแล้ว
เรื่องราวของโกทร จะมีจุดจบอย่างไร และการเลือกตั้งสมัยหน้า จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในหัวเมืองต้นลุ่มน้ำบางปะกงหรือไม่ ก็ยิ่งน่าติดตาม
เวียงรัฐ เนติโพธิ์ นักวิชาการที่คร่ำหวอดเรื่องบ้านใหญ่ และความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ กล่าวถึงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นว่า “...เขาไม่ได้เรียกว่าผู้มีอิทธิพลนะ เขาเรียก กำนัน โก เฮีย พ่อเลี้ยง เสี่ย นายหัว พวกเขามีบุคลิกบางอย่างที่น่ายำเกรง แต่ก็อัธยาศัยดี สุภาพ ใจกว้าง ไม่ใช่ภาพแบบที่สื่อทำให้เราเห็นเมื่อโตขึ้น ทำให้ชอบลักษณะสองด้านของคนพวกนี้ เมื่อมาศึกษาดูทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าสนุก น่าศึกษา มีด้านมืด ด้านสว่าง ด้านชอบธรรมและด้านไม่ชอบธรรม ซึ่งน่าสนใจมาก”
เหมือนคนปราจีนฯเรียกหา โกทร เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน คนอุทัยฯก็เรียก หลาดา ประหนึ่งญาติมิตร และไม่น่าแปลกใจที่ชาดา ไทยเศรษฐ์ จะเรียกตัวเองว่า The Goodfather