ฝนจะตกแดดจะออก งิ้วก็ยังเล่น
มีคนดูประมาณ 30 คน แล้วค่อยๆ ลุกกลับไปจนเหลือไม่ถึง 20 คนที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงที่สุด งิ้วไหหลำ เรื่อง แฝดจอมบัณฑิต โดย คณะยี่หน่ำ
เล่นจนจบอย่างชื่นมื่นในอารมณ์ทั้งคนเล่นคนดูเมื่อสองสามวันหลังปีใหม่ ณ ศาลเจ้าและสมาคมชาวไหหลำเมืองพะเยา
ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง แท้ๆ ที่จะทำให้มหรสพแสดงสดบนเวที เช่น งิ้ว ลิเก ละครพูด ละครเพลง คอนเสิร์ต การบรรเลงดนตรี การร้อง หมอลำ การขับซอ ต่างๆ ได้เล่นและสืบทอดต่อเนื่องไปได้ คือ ผู้ชม และ เงินที่คณะศิลปินได้รับ
ผู้ชมเจ้าประจำคนหนึ่งบอกว่า ที่ผ่านๆ มาในบางปี บางเรื่องถ้าเฉลี่ยต่อหัวคนดูสิบคน ก็ตกหัวละเกือบสองพันบาททีเดียวเมื่อเทียบกับจำนวนเงินต่อคืนที่ศาลเจ้าว่าจ้างเชิญคณะงิ้วให้มาเล่นถวายในเทศกาลฉลองวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม ในเมืองไทยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน (เดือน 10 ของจีน ตรงกับเดือน 12 ของไทย) ดำเนินต่อถึงหลังปีใหม่และจะยาวไปถึงตรุษจีน ในช่วงนี้ คณะงิ้วจะเวียนไปเล่นในจังหวัดที่มีชาวไทยไหหลำอาศัยอยู่มากสักหน่อย เช่น ในภาคเหนือ ตั้งแต่นครสวรรค์ขึ้นไป
น่าทึ่งน้อยอยู่เมื่อไร ด้วยการลงขันช่วยกันสนับสนุน แท้ๆ ที่งิ้วไหหลำยังเล่นมาได้ต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่คนดู มีแต่จะน้อยลงไปเรื่อยๆ
จากเมื่อ 50 กว่าปีที่เมืองพะเยายังไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีมหรสพการแสดงใดให้ชมเมื่อค่ำคืน นอกจากหนังฉายที่โรงภาพยนตร์สหมิตร และการเดินสายของวงดนตรี และคณะลิเก ที่นานๆ จะมีสักครั้ง ดังนั้น เมื่อใดที่ คณะงิ้ว มาเล่นที่สนามเวียงแก้ว ทั้งคนจีนคนไทย ลูกเล็กเด็กแดง มาดูชมกันอย่างล้นหลาม จนต้องกั้นบริเวณด้านหน้าเวทีที่กันไว้สำหรับคณะผู้ลงขันได้สิทธิ์ขนย้ายม้านั่งเก้าอี้จากบ้านมาตั้งไว้เป็นการถาวรตลอด 7 หรือ 9 คืนที่งิ้วเล่นติดต่อกัน เก้าอี้นั่งสำหรับผู้จ่ายค่าชมเป็นคืนๆ ไปก็มี
ณ วันนี้ หน้าเวทีไม่มีกั้นกันบริเวณ ไม่มีขายตั๋วหรือเรียกเก็บเงินใดๆ มีเก้าอี้รอคอยมากมาย ตลอดการชมมีน้ำเต้าหู้อุ่นๆ ปาท่องโก๋ และกล้วยฉาบ เสิร์ฟถึงที่นั่ง ผู้ชมจนงิ้วเล่นจบมีไม่ถึง 20 คน 3-4 คน เป็นสาวหนุ่ม
ร่วมสิบกว่าปีมาแล้วที่ขาดแคลนผู้ร้องผู้เล่นในประเทศ คณะงิ้วไหหลำที่มีฐานอยู่ในเมืองไทย ต้อง “นำเข้า” ผู้ร้องผู้เล่นงิ้วและนักดนตรีบางตำแหน่งเป็นคนจีนไหหลำจากเกาะไหหลำ มาเล่น อาศัยแรงงานในประเทศดูแลขนย้ายจัดตั้งเวทีเครื่องใช้ในการแสดงละครทั้งหมดทุกชนิดรวมทั้งฉาก อย่างไรก็ดี มีตำแหน่งหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับผู้ร้องผู้เล่นหรือนักดนตรี แต่ก็ต้อง “นำเข้า” ด้วย นั่นคือตำแหน่งผู้พับเก็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ถือเป็นจุดเด่นจุดขายของงิ้ว เพราะได้ลงทุนสั่งตัดจากเมืองจีนอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้มีความสดใหม่สวยงามเจริญตา ชุดงามๆ จำเป็นต้องได้ทักษะการพับเก็บรักษาอย่างดี แน่นอนว่า งิ้วที่ได้ชมคืนนั้น แม้ฉากจะเก่าไปบ้าง มุมผู้เล่นดนตรีไม่ประณีตเนี๊ยบเชี๊ยบ การร้องการแสดงพอไปวัดไปวาได้ แต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของทุกคนโดยเฉพาะพระเอก พระรอง นางเอก นางรอง งามเป็นเลิศ
ในสถานการณ์อย่างที่กล่าวมา งิ้วไหหลำเป็นมหรสพประเภทไหน ในท่ามกลางมหรสพพื้นบ้านแสดงสดบนเวทีอื่นๆ เช่น ลิเก หมอลำ การขับจ๊อย ค่าว ซอ รวมทั้งการแสดงโขน ที่มีอันต้องค่อยๆ เลิกเล่นไป เพราะขาดคนดู และแหล่งเงินทุน ไม่เว้นแม้การบรรเลงซิมโฟนี การร้องโอเปร่า ในโลกตะวันตก ซึ่งคอนเสิร์ตทัวร์ระดับโลกอย่างมาดอนนาเท่านั้นที่สามารถกินขาดมหรสพแสดงสดบนเวทีทุกชนิดได้อย่างถล่มทลาย เราจะถือว่างิ้วไหหลำที่แสดงในเมืองไทยได้ตลอดมาไม่ขาดสาย (โดยการนำเข้าผู้ร้องผู้เล่น) ยังมีชีวิตมีสุขภาพดีอยู่ หรือว่ากำลังจะค่อยๆ มีอันเป็นไปเหมือนๆ มหรสพพื้นบ้านอื่นๆ
งิ้วไหหลำเป็นละครร้องเต็มรูปแบบชนิดเดียวที่ผู้เขียนได้ชมเล่นสดบนเวทีอย่างสม่ำเสมอทุกปีในวัยเด็กที่เมืองพะเยา ละครเล่นสดบนเวทีชนิดอื่นๆ เช่น ลิเก ก็แทบไม่เคยดู ส่วนละครพูด ละครเพลง การแสดงอุปรากรแบบฝรั่ง ได้มารู้จักก็อีกนานหลังการดูงิ้วไหหลำทั้งนั้น การดูงิ้วไหหลำในวัยเด็กเป็นการดูอย่าง สนุกสนานบันเทิงเริงใจ ตื่นตาตื่นใจกับ ศิลปะการแสดงการร้องสดบนเวที แม้จะฟังภาษาจีนไหหลำไม่ค่อยออก อาศัยฟังพ่อแม่แปลบ้างก็สนุกตามได้ เรื่องราวเล่นในงิ้วไหหลำที่มีทั้งหมดประมาณ 300 เรื่องมักเป็นละครชีวิต มีรสชาติต่างๆ ครบครัน รู้รสว่าในครอบครัว และในบ้านเมือง ความอยุติธรรม ความไม่เข้าใจกัน แก่งแย่งแกล้งกัน เช่น แม่ผัวลูกสะใภ้ พี่น้องไม่รักกัน ขุนนางรังแกผู้น้อย เพื่อนทรยศหักหลังกัน บ่าวผู้ซื่อสัตย์ ขี้โกง สามีผู้นอกใจ ฯ เกิดการพลัดพราก สูญเสีย ก็มีแต่ความเจ็บช้ำโศกเศร้า ซึ่งศิลปินผู้แสดงทั้งร้องและแสดงเก่งมาก ประกอบกับเสียงซอที่บีบอารมณ์จนผู้ชมน้ำตาไหล ต่อเมื่อได้ทำความเข้าใจกัน คืนดีกัน อภัยต่อกัน ผู้กระทำผิดถูกลงโทษ นำความยุติธรรมกลับคืนสู่ครอบครัวและบ้านเมือง ทุกอย่างจึงคืนสู่ปกติสุข
ครึ่งศตวรรษผ่านไป ณ วันนี้ การแสดงบนเวทีลดความเข้มข้นลงทั้งเนื้อเรื่อง การร้องและลีลา ความสนุกสนานบันเทิงแบบที่เคยมีตอนเด็กๆ ก็ลดน้อยลงไปมาก แต่ว่าในความรู้สึกก็ยังยินดีที่ได้ดู ได้รำลึกถึงวัยเด็กที่การดูงิ้วกับครอบครัวติดๆ กันหลายๆ คืนเป็นความบันเทิงพร้อมหน้าพร้อมตาที่ข้นเข้ม ส่งผ่านศิลปวัฒนธรรมได้ผลยั่งยืนมากๆ
มีความรู้สึกว่างิ้วไหหลำน่าจะยังมีเล่นต่อไปในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมถวายเจ้าแม่ ผู้ชมมีเท่าไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง