ทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ

ทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ

เมื่อกลางเดือนต.ค. 2557 อ่านหนังสือพิมพ์ เห็นข่าวท่านรัฐมนตรีคลังกับท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติไปเข้าร่วมการประชุม

ของเวิลด์แบงก์ (World Bank) กับไอเอ็มเอฟ (IMF) ประจำปี 2014 ที่วอชิงตันดีซี ท่านรัฐมนตรีคลังให้สัมภาษณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจเราแย่ แย่ที่สุดในอาเซียน แย่จนท่านบอกว่า “อาย” ประเทศเพื่อนบ้าน (ไม่แน่ใจว่าท่านอายที่เศรษฐกิจมันแย่ หรือท่านอายที่เรามัวแต่ทะเลาะกันเองจนทำให้เศรษฐกิจมันแย่) ท่านต้องไปขอโทษขอโพยเพื่อนบ้านอาเซียนที่เราไปฉุดเขาลง ผู้เขียนอ่านแล้วเลยแอบหดหู่ไปด้วย (ผู้เขียนไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้ แต่ขอส่งสติ๊กเกอร์ Line ตัวการ์ตูนที่ชื่อ Moon ที่นั่งพิงกำแพงแล้วน้ำตาซึมไปให้ท่านผู้อ่าน เพื่อบรรยายความรู้สึก)

เอาจริงๆ เรื่องเศรษฐกิจอาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวที่มันแอบน่าอาย ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะมีเรื่องอื่นๆ ให้พอน่ากระดากอยู่อีกบ้าง เช่น การที่หน่วยงานต่างชาติจัดอันดับโน่นนี่ออกมา แล้วประเทศไทยถูกจัดอันดับให้ร่วงลงหรือโดนเพื่อนบ้านอาเซียนเราแซงหน้าไป เขาประกาศตัวเลขออกมาทีเราก็ออกมาเต้นเหยงๆ กันที ก็น่าเดือดร้อนอยู่หรอกค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงเดินถอยหลัง เรามาสรุปกันคร่าวๆ ดีกว่าว่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราร่วงไปอยู่ไหนและมีใครแซงอะไรเราไปแล้วบ้าง

เริ่มตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ได้มีการจัดทำตัวเลขดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศต่างๆ ทั่วโลก (Corruption Perceptions Index 2013) และนำดัชนีนี้มาจัดอันดับประเทศ 177 ประเทศ โดยอันดับต้นๆ คือคอร์รัปชันน้อย และอันดับท้ายๆ คือคอร์รัปชันมาก ประเทศเราถูกฟิลิปปินส์ที่เคยแย่กว่าแซงหน้าเราไป โดยฟิลิปปินส์ขยับจาก 105 มาอยู่ที่ 94 ส่วนเราร่วงจาก 88 ไปอยู่ที่ 102 อย่างไรก็ดี แม้เทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียนเราจะไม่ได้แย่ที่สุด มีอินโดนีเซีย และประเทศ CLMV ที่แย่กว่าเรา แต่อยากจะบอกว่าแทบทุกประเทศในอาเซียนขยับขึ้น (คือพัฒนาขึ้น) มีแต่เราที่ร่วงลงไปถึง 14 ขั้น

ถัดมาเมื่อกลางปีนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons - TIP Report 2014) และได้ลดลำดับประเทศไทยจากที่เคยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องถูกจับตามอง (Tier 2) กลายเป็นอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีสถานการณ์ค้ามนุษย์ระดับเลวร้ายที่สุด (Tier 3) โดยเขาบอกมาว่าเราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างมีนัยสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แถมยังมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันในทุกระดับชั้นที่คอยเป็นตัวขัดขวาง

และล่าสุด ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา World Economic Forum ได้จัดทำรายงานความสามารถในการแข่งขันโลก (Global Competitive Report 2014-2015) ซึ่งแม้จะไม่ได้จัดประเทศไทยให้อยู่ในอันดับที่แย่มากนักในเรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ตัวดัชนีชี้วัดการศึกษาที่ใช้ในรายงานนี้ทำให้หลายคนต้องออกมาเต้นผางๆ เพราะคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยร่วงไปอยู่อันดับที่ 7 ของอาเซียนโดยประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวแซงเราไปอยู่ที่อันดับ 6

แม้ว่าจะมีผู้ออกมาชี้แจงว่าข้อมูลที่นำมาใช้ในการจัดอันดับมีข้อบกพร่องและทำให้การจัดอันดับต่างๆ ออกมาอาจไม่ถูกต้องเท่าที่ควร (กล่าวคือถ้ามองในแง่ดี ประเทศเราอาจไม่ได้แย่ขนาดนั้น) แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศเรา ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดี และมีความได้เปรียบหลายๆ อย่าง ควรทำได้ดีกว่านี้ในหลายเรื่อง ทำไมประเทศเราถึงไม่เจริญเท่าที่ควรจะเป็น ผู้เขียนมองว่าสิ่งต่างๆ ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือเหตุผลหลัก

ข้อหนึ่ง เราคอร์รัปชันกันจนเคยชินกินเล็กกินน้อยกันไปจนถึงเรื่องใหญ่ หลายคนที่จริงๆ แล้วไม่อยากจะเข้าร่วมกระบวนการนี้ตั้งแต่แรก ก็ต้องเข้ามาร่วมด้วยเหตุผลที่ว่าก็คนอื่นเขาร่วมกันหมด เราออกมาบ่นเรื่องนี้กันหลายครั้ง งานวิจัยก็ทำกัน อยากจะปฏิรูป อยากจะแก้ไข แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใครออกใคร หลายคนเคยว่าคนอื่น ก็ทำเสียเอง

ข้อสอง ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ คนไทยเป็นคนที่ไร้ระเบียบวินัย ฉันจะจอดรถที่ไหน จะทิ้งขยะที่ไหน จะวางแผงขายของที่ไหน ฉันอยากจะทำอะไรฉันก็จะทำ หลายครั้งก็ไม่มีใครสนใจเพราะเขาไม่เดือดร้อน แต่หลายครั้งก็มีคนเดือดร้อน แต่กฎหมายก็ดูเหมือนจะทำหน้าที่ของมันไม่ได้ สรุปคือ ประเทศนี้ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ ก็ฉันพอใจ

ข้อสาม เราชอบทะเลาะกันเอง แถมเชื่อคนง่าย ใครบอกอะไรก็เชื่อ ข้อมูลอะไรใครให้มาก็เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง ทำให้หลายคนถูกปลุกปั่นได้ง่าย บางครั้งก็ลุกขึ้นมาเกลียดกัน ลุกขึ้นมาทะเลาะกัน ด้วยข้อมูลผิดๆ ซึ่งถ้าคิดให้เป็นและรู้จักไตร่ตรองสักนิด เรื่องหลายเรื่องอาจจะไม่ต้องบานปลายใหญ่โต

ข้อสี่ คนไทยสบายเกินไป คนส่วนใหญ่ไม่มีความทะเยอทะยาน และใช้เวลาส่วนใหญ่กับเรื่องที่ไม่จำเป็นและไม่สร้างสรรค์ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ของประเทศใช้เวลาส่วนใหญ่ของตัวไปกับเรื่องไร้สาระ คงจะเป็นการยากที่ประเทศเราจะเจริญก้าวหน้าไปกับเขา

ข้อห้า ปัญหาความเหลื่อมล้ำยังแก้ไม่ได้ คนที่รวยก็รวยขึ้น คนที่จนก็จนอย่างเดิม แน่นอนที่สุดว่าการให้โอกาสทางการศึกษาจะทำให้คนสามารถเลื่อนขั้นมามีฐานะที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเรื่องของการปฏิรูปการศึกษาเป็นสิ่งที่เราพูดกันมานานแล้ว พูดกันซ้ำๆ แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ต่างไปจากเดิม ไม่แน่ใจว่าเราได้พยายามกันเต็มที่แล้วแต่มันยังเป็นอย่างนี้อยู่ หรือมีใครแอบอยากให้มันเป็นแบบนี้ เพราะการปกครองคนไม่ฉลาดมันอาจจะง่ายกว่า

ดูเหมือนปัญหาของประเทศไทยส่วนใหญ่จะเกิดจาก “คนไทย” จะแก้ปัญหาคงจะต้องแก้ที่คนและควรต้องแก้ทั้งนิสัยและทัศนคติ เราอาจบอกว่าจริงๆ แล้ว รายได้ต่อหัว (GDP per capita) ของเราก็ไม่ได้แย่นักเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน คือเราอยู่อันดับ 4 รองจากสิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย แถมเรายังทิ้งห่าง พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม อยู่อีกโข จริงอยู่ ยังมีอีกหลายประเทศที่สู้เราไม่ได้ แต่ขอถามว่าเราจะเทียบกับเขาแล้วถอยหลังไปอยู่เป็นเพื่อนเขา หรือเราจะตั้งเป้าเพื่อก้าวไปข้างหน้า ไปแข่งกับสิงคโปร์? หันไปดูมาเลเซียเพื่อนบ้านเรา เขาได้ออกมายืนประกาศแล้วว่าในปี 2020 ประเทศเขาจะก้าวเข้าสู่ความเป็นประเทศที่เจริญแล้ว (Developed Country) ส่วนประเทศเราก็ยังไม่แน่ใจว่าจะก้าวไปได้ประมาณไหน ถ้ายังเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้

คำถามที่ว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ แล้วทำอย่างไรเราจึงจะเจริญ ควรเป็นคำถามที่อยู่ในจิตสำนึกของคนไทยทุกคน และการที่จะพัฒนาจิตสำนึกได้ต้องเริ่มจากการพัฒนาจิตใต้สำนึกของเราให้ตระหนักในความมีคุณค่าของตัวเอง ตามความเป็นจริง เราควรจะคิดกันทุกวัน ถามกันทุกวันแล้วคุยกันทุกวัน จนกว่าประเทศเราจะเจริญ อย่าคิดว่าเราเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้คือการเปลี่ยนนิสัยและเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ ขอให้ทุกคนช่วยกันทำ โดยทำในส่วนที่เราทำได้ มาช่วยกันทำให้ประเทศเราเจริญกันเถอะค่ะ วันหนึ่งเราจะได้ไปแข่งกับสิงคโปร์ ตอนนี้เราเบื่อและอายที่จะเดินถอยหลังแล้ว

“It is the greatest of all mistakes to do nothing because you can only do little.Do what you can.” Sydney Smith