เปลี่ยนโฉมประเทศไทย: เริ่มที่ไหนดี*
ท่านผู้มีเกียรติครับ ท่านอธิการบดีกล่าวว่า การนำเสนอวันนี้ จะต้องเป็นสไตล์ “Ted Talk”
ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีแบบ Ted Talk หรือไม่ แต่ผมมั่นใจว่า ผมจะไม่ “Talk แบบ เท็จๆ” อย่างแน่นอน
หัวข้อวันนี้เป็นเรื่องการ เปลี่ยนโฉม หรือ Transform ประเทศไทย ทำให้ผมนึกถึงอีกคำหนึ่ง คือคำว่า ปฎิรูป หรือ Reform ซึ่งหมายถึง การปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น แต่ผมคิดว่าการ Transform จะต้องมากกว่า Reform ครับ คือต้องเป็นการเปลี่ยนโฉมจากเดิมอย่างมาก จริงจัง ชัดเจน และเห็นผลในเวลาที่ไม่นานเกินรอ
ประเทศไทยได้ใช้ทรัพยากรเพื่อการ ปฎิรูป มานานแล้ว ไม่ว่าจะ ปฎิรูปการศึกษา ปฎิรูประบบราชการ ปฎิรูปตำรวจ ปฎิรูปการเมือง หรือ ปฎิรูปวัด ฯลฯ ซึ่งภาพที่ผมนำมาฉายขึ้นจอในวันนี้ ล้วนเป็นข่าวเก่าๆ ที่เกี่ยวกับการปฎิรูปเหล่านี้ทั้งสิ้น และ เกือบทั้งหมดก็เห็นได้ชัดว่า เราไม่ได้ประสบผลสำเร็จในการปฎิรูปเลย
ความจริง การเปลี่ยนโฉมประเทศไทย ก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพราะเรามีคนเก่งและคนที่มีความคิดดีๆมากมายในทุกภาคส่วนของสังคม เพียงแต่กลไกสำคัญในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือระบบราชการ ทำให้คาดหวังได้ยาก ว่าเราจะเปลี่ยนโฉมได้ เพราะแค่การ ปฎิรูป เราก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเราจะเปลี่ยนโฉม ให้สำเร็จได้อย่างไร
การเปลี่ยนโฉมประเทศ เป็นเรื่องที่กว้างมาก ถ้าพูดไปก็คงจับตัองอะไรลำบาก ผมจึงขอเสนอแนวคิดที่จับต้องได้ เพียงเรื่องเดียวก่อน คือเสนอว่า เราต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนโฉม วิธีการ “เข้าสู่ตำแหน่ง” ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ
ที่นั่งในมหาวิทยาลัยดีๆ องค์กรธุรกิจดีๆ กรมดีๆ กระทรวงดีๆ สภาผู้แทนราษฏร ฯลฯ ล้วนมีจำกัด เมื่อตำแหน่งมีจำกัด คนที่อยาก “เข้าสู่ตำแหน่ง” ก็ต้องแข่งขันกัน ให้เห็นว่าตนเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้อง
แต่การแข่งขัน ก็มักจะมี การโกง เกิดขึ้นให้เห็นเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย การสอบตำรวจ ครู ฯลฯ ซึ่งถูกจับได้และมีผลให้ต้องสอบใหม่ เป็นที่เดือดร้อนของคนสุจริตกันมาแล้ว
แม้แต่การแข่งขันเพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ ก็ยังมีใบแดงให้เห็นทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ต้องรอดูว่า กกต. จะประกาศใบแดงจำนวนมากน้อยเพียงใด
ถึงแม้การเข้าสู่ตำแหน่งจะมิได้มีการโกงเกิดขึ้น แต่คนไทยก็ยังมีความหมิ่นเหม่ เพราะเป็นสังคมอุปถัมภ์ มีสายใยเชื่อมโยงอันแข็งแรง มีการเอื้อพิเศษให้กับเครือญาติ (Nepotism) และเพื่อนฝูง (Cronyism) ซึ่งถ้าเป็นเพียงการอำนวยความสะดวก ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก
ที่เป็นปัญหา ก็คือการคัดเลือกญาติหรือเพื่อนฝูงให้เข้าสู่ตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถเป็นหลัก ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเมื่อปี 2540 ที่เศรษฐกิจเราล่มสลาย ต่างชาติก็พาดหัวข่าวว่า เหตุหนึ่งที่ทำให้เราล่มสลาย ก็คือ Nepotism กับ Cronyism นี่แหละครับ
แต่ผมคิดว่า ยังมีอุปสรรคที่ร้ายแรงกว่าสองเรื่องนี้เสียอีก นั่นคือ “PURSITIONISM” ท่านคณาจารย์จะค้นหาคำนี้ไม่พบที่ไหนทั้งสิ้นครับ เพราะผมเพิ่งคิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ผมผสมคำว่า Purchase กับ Position แปลตรงๆคือ การ “ซื้อตำแหน่ง”... ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นอุปสรรครากเหง้าของการเปลี่ยนโฉมประเทศไทย เราต้องเปลี่ยนโฉมจุดนี้ให้ได้ก่อน เรื่องอื่นๆ จึงจะมีโอกาสสำเร็จ
เพราะคนที่ได้อำนาจมาด้วยการซื้อตำแหน่ง ก็จะเข้ามาถอนทุน กลายเป็นบ่อเกิดของคอรัปชั่นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น งานวิจัยของนิด้า เมื่อปี 2012 สรุปว่า ประชาชนคิดว่าพฤติกรรมที่เป็นการทุจริตคอรัปชั่น สูงสุดเป็นอันดับ 1 คือการวิ่งเต้นและการซื้อตำแหน่ง 94.55%
นอกจากนั้น ผู้นำแบบนี้ก็มักจะส่งเสริมผู้คนแวดล้อม ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน ให้ได้รับความก้าวหน้า ทำให้คนดีคนเก่งที่ไม่ยอมทำแบบเดียวกัน ต้องถอดใจลาออก พนักงานอื่นก็เสียขวัญ แล้วกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่อ่อนแอ การทำงานด้อยประสิทธิภาพ ผลงานเสื่อมถอย และองค์กรอาจล่มสลายในที่สุด
ถ้าผู้นำก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยวิธีซื้อตำแหน่ง มีจำนวนมากขึ้น ความอ่อนแอก็จะระบาดไปทั้งระบบ แล้วเราจะเปลี่ยนโฉมประเทศไทย ได้อย่างไร เพราะการจะเปลี่ยนโฉมเรื่องใดๆ ก็ต้องอาศัยทักษะ ความมุ่งมั่น และการขับเคลื่อนโดยคนเหล่านี้ นี่แหละ
เราจึงต้องแก้ไขอย่างเข้มแข็ง ให้ Pursitionism เหลือน้อยที่สุด ส่งเสริมคนดีให้เป็นผู้นำให้มากที่สุด เหมือนที่ในหลวง ร. 9 ได้ทรงสอนไว้ มิฉนั้นเราจะวนเวียนอยู่ในวังวนเช่นนี้ ไปอีกนานแสนนาน
คนที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ ก็ต้องเป็นผู้มีอำนาจ แต่ขณะที่เราเสวนากันอยู่นี้ เราก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลต่อไป จะมีหน้าตาเช่นใด จะเชื่อได้หรือไม่ว่าท่านที่จะเข้าสู่อำนาจ จะแข็งแกร่งและบริสุทธิ์พอ ที่จะทำลายล้าง Pursitionism ให้ลดลงได้
วันนี้ การเมืองหลังเลือกตั้งยังดูน่าห่วงใย ท่านคงมีคำถามมากมาย เกี่ยวกับอนาคตประเทศไทย แต่ในบรรดาคำถามมากมายเหล่านั้น ผมขออนุญาตถามท่านเพียงคำถามเดียวครับ กรุณาตอบว่า หลังมีรัฐบาลใหม่ ท่านคิดว่าประเทศไทยจะมีการซื้อตำแหน่ง ลดลง... เหมือนเดิม... หรือ มากขึ้น..... (ผู้ฟังทะยอยยกมือ)
ไม่น่าเชื่อ....มีแต่ตอบว่า เหมือนเดิม กับ มากขึ้น ไม่มีใครตอบว่าลดลงเลย ท่านไม่ให้กำลังใจผมบ้างเลยนะครับ ไม่เป็นไรครับ อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ท่านตอบจากความรู้สึกที่แท้จริง แม้มันจะทำให้รู้สึกหดหู่ใจก็ตาม
แต่เราก็ต้องพยายามกันต่อไปทุกวิถีทาง มิฉนั้นเราจะเปลี่ยนโฉมอะไรไม่ได้เลย วันนี้ผมจึงขอจบด้วยการ ฝากข้อคิด ไว้ให้ท่านช่วยกันเผยแพร่ เผื่อจะมีส่วนช่วยให้การเปลี่ยนโฉมประเทศไทยบางส่วน สามารถทำได้สำเร็จบ้างครับ....
..ทั้งวิ่งเต้น เส้นสาย คือทางเสื่อม
อย่าไปเลื่อม-ใสมัน กันนักหนา
ตำแหน่งใด ใช้เงินทอง ต้องซื้อมา
มันไร้ค่า...“ตำแหน่งบาป อาบสินบน”
(* ปาฐกถาพิเศษ : นิด้า 53 ปี 29 มีนาคม 2562)