การปรับตัวไปกับ Robot Trade และนวัตกรรมอื่นๆ
นักลงทุนหลายๆท่านได้มีการสอบถามกันมาถึงนวัตกรรมการลงทุนแบบใหม่ๆ เช่น Robot Trade บางประเภทที่มีการพูดถึงกันมากในขณะนี้
ผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ หรือแม้กระทั่งกลยุทธ์การลงทุนบางประเภทที่ไม่ค่อยเหมาะสมหรืออาจขัดกับเกณฑ์ที่เรียกกันว่า Naked Short Sale ซึ่งเป็นการขายหุ้นแบบไม่มีหุ้นและทำการซื้อหุ้นคืนมาส่งมอบภายในวันและมีการใช้กันในต่างประเทศ
นวัตกรรมเหล่านี้ถูกมองในแง่ลบค่อนข้างมากว่าทำให้นักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรยากขึ้น และในบางวันที่ตลาดหุ้นลงแรงๆ ก็มักจะมีการโทษกันไปที่นวัตกรรมการลงทุนเหล่านี้โดยที่ไม่ได้มีการพูดถึงเหตุผลมาสนับสนุนในข้อสรุปตรงนี้เท่าไรนัก ซึ่งนักลงทุนเองจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้ทันผ่านการรู้และเข้าใจกลไกพวกนี้ที่ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่พูดกัน และในบางครั้งอาจเป็นประโยชน์กับนักลงทุน ผมลองยกตัวอย่างมาให้ดูกันคร่าวๆ
Robot Trade ชนิดที่พูดถึงกันมากคือ High Frequency Trade (HFT) ที่มักจะการซื้อขายอย่างรวดเร็วไปๆมาๆในราคาเดิม หรือทำกำไร/ตัดขาดทุนอย่างรวดเร็วในไม่กี่ช่อง นักลงทุนที่นิยมใช้ Ticker แบบ Real-time ในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นจะเห็นรายการซื้อขายย่อยๆ จำนวนมาก (20-30รายการในเสี้ยววินาที) ก็จำเป็นต้องปรับสไตล์การลงทุนโดยให้ความสำคัญกับ Ticker พวกนี้น้อยลง หรืออาจจะใช้ข้อมูลรายนาที หรือ 5 นาทีมาช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น
การเข้าใจลักษณะการเทรดของ HFT ตรงนี้ก็สามารถช่วยให้เราจับจังหวะในการเคาะซื้อหุ้นได้ดีขึ้น หุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวโดยปกติแล้วเมื่อหุ้นปรับตัวพลิกขึ้นมา เดิมทีนักลงทุนอาจจะต้องรีบเคาะซื้อหุ้นที่ Offer เพราะการตั้งรอ Bid อาจจะได้หุ้นยาก การที่มี HFT เข้ามาเทรดมากๆโดยการซื้อขายหุ้นถี่ๆพลิกไปพลิกมาที่ราคาเดิม ทำให้นักลงทุนอาจจะไม่ต้องรีบย้ายราคาไปเคาะ Offer ทันที เพราะมีโอกาสมากที่จะHFTจะขายหุ้นคืนออกมาให้เราซื้อได้ที่ราคา Bid
นักลงทุนที่กังวลเรื่อง Naked Short Sale นอกจากจะมีการดูแลโดยหน่วยงานที่กำกับแล้ว ความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้ในตัวมันเองก็ทำให้การ Naked Short Sale นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆถึงกับต้องกังวลกันจนเกินไป เพราะกลยุทธ์นี้มีเงื่อนไขว่าถ้าขายชอร์ตออกไปแล้วต้องรีบซื้อคืนหุ้นกลับให้ครบภายในวันเดียวกัน ดังนั้นจึงมักจะเลือกใช้กับหุ้นที่กำลังมีปัญหาและอยู่ในกระแสข่าวลือ เพราะจะมีโอกาสที่ได้ซื้อหุ้นคืนได้ที่ราคาถูกกว่า (Covered Short)ภายในวัน ความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้จะสูงมากถ้าไปใช้กับหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งและพร้อมที่จะมีแรงแย่งซื้อคืนจากมวลชนและนักลงทุนสถาบัน กลไกตรงนี้ทำให้นักลงทุนต้องปรับตัวให้ความสำคัญกับพื้นฐานของหุ้นมากขึ้น และรู้จักประเมินคัดกรองข่าวลือต่างๆ
การปรับตัวที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเสมือนวิวัฒนาการการลงทุนที่จำเป็นกับการเติบโตของตลาดทุน ถ้านักลงทุนเปิดรับที่จะศึกษาข้อมูลกลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ เข้าใจเครื่องมือในการลงทุนที่เพิ่มเข้ามา การปรับตัวตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน และสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้อีกด้วย