“แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.”คนไหนเป็นแล้วน้ำไม่ท่วมบอกที
เริ่มทยอยเปิดตัวกันทีละคนสองคน ในการประกาศตัวพร้อมสู้ศึก “เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.” หลังคนเมืองหลวงร้างราการเข้าคูหาเลือกพ่อเมืองของตัวเองมานาน
กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่ความเจริญรุดหน้าไปมาก สิ่งคู่ขนานที่เกิดตามมาก็คือ สารพัดปัญหาอันหนักอึ้งที่มากขึ้นนั่นเอง
คนที่จะอาสาตัวเข้ามาแก้ปัญหา จึงต้องแน่ใจว่า สามารถทำได้จริง พวกท่าดีทีเหลวก็อาจต้องคิดไตร่ตรองหลายตลบเสียหน่อย
หนึ่งในโจทย์ใหญ่และสำคัญของ ”คนกรุงฯ” มีอยู่ไม่กี่ข้อเท่านั้น คือ “น้ำท่วม-รถติด-มลพิษ-ความปลอดภัยในชีวิต-คุณภาพความเป็นอยู่” ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นทุกข์คนเมืองอย่างแท้จริง และในช่วงหลังมานี้ ปัญหาดูจะเกิดถี่เกิดซ้ำ แก้ไม่หาย โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาพื้นฐานที่สามารถโยงไปเป็นประเด็นการเมืองได้ทุกครั้งทุกคราว นับเป็นเรื่องปราบเซียน “ผู้ว่าฯ กทม.” ทุกคน
เมื่อใดที่กทม.ฝนตก ไม่ว่าจะหนักหรือเบาล้วนมีผลกระทบคือน้ำท่วมขัง หรือจะน้ำอะไรก็แล้วแต่จะบัญญัติศัพท์ * “ผู้ว่าฯกทม.” หลายคนในอดีต รู้ดีถึงความคาดหวังของคนกรุงฯ ในการแก้ปัญหา จึงเห็นภาพผู้ว่าฯลุยน้ำ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาจนเป็นเรื่องชินตา
แต่ถามว่า การที่ผู้ว่าฯ ลุยน้ำแล้วแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ คำตอบนี้หลายคนก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่หากผู้ว่าฯ ไม่ลงไปลุยน้ำให้คนเห็นภาพเลย ก็จะถูกถามหาอีกว่าพ่อเมืองไปไหน ทำไมทิ้งปัญหา เข้าทำนองว่า ถึงรู้ว่าลงไปก็แก้ไม่ได้ แต่จะไม่ลงไปเลยก็ไม่ได้อีก คนจะก่นด่าเอา โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
เวลาฝนตกแต่ละที ทั้ง “ผู้ว่าฯ” และ “คนเมือง” ต่างผวาไปตามๆ กัน คนหนึ่งคิดว่าจะเอาอยู่หรือไม่ ส่วนอีกคนก็คิดว่าจะกลับถึงบ้านหรือไม่อย่างไร
ลองคิดดูดีๆ ว่าการหาเสียงที่ผ่านมาของ “ผู้ว่าฯ กทม.” ไม่ว่าจะเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาล หรือต่างพรรคกับรัฐบาล ผลงานเป็นอย่างไร ภาพรวมคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ดีขึ้นหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าผู้ที่คิดจะลงสมัคร หรือพรรคใดที่จะส่งใครลง คงต้องทำการบ้านหลายร้อยหลายพันเท่า ในช่วงที่กำลังเข้าสู่ยุค5จี ผู้คนต่างคาดหวังว่าทุกอย่างจะรวดเร็วทันใจ การแก้น้ำท่วมก็เช่นเดียวกัน แต่ถ้าไม่ท่วมเลยก็จะดีกว่า
ดังนั้น มี “แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.” คนไหนมั่นใจว่าทำได้ช่วยบอกที และถ้าคนที่บอกว่าทำได้ แล้วดันทำไม่ได้จริง “คนกรุงฯ” จะทำอย่างไรช่วยบอกที
โดย... ซาไก