ธรรมชาติศึกษา ... เพื่อชีวิต !!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา .. รุ่งอรุณของวันใหม่ช่างสวยงาม เมื่อดวงอาทิตย์สาดสายแสงสะท้อนลงมาสู่ราวป่าบนภูเขาพระธาตุภูหว้า เหนือทะเลอันดามันบนเกาะภูเก็ต ช่างน่าดูชมนักในศิลป์ของความเป็นธรรมชาติ และเมื่อผสมผสานกับสายลมที่นำไอความชื้นของน้ำค้างที่จับเกาะต้นไม้ใหญ่น้อยในแนวป่ามากระทบสัมผัส ยิ่งทำให้เกิดความเป็นสัปปายะอันควรค่าแก่การเจริญจิตภาวนา เพื่อเสริมสร้างสติปัญญาให้กับชีวิตที่จะต้องดำเนินไปตามวิถีธรรมในวิถีโลก... เพื่อที่สุดแห่งพุทธธรรม !!
วิถีพระป่า ... จึงเป็นลาภอันยิ่งใหญ่ มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์ โดยเฉพาะจากจิตใจที่พรั่งพร้อมในศรัทธาของสาธุชนที่น้อมนำภัตตาหารมาใส่บาตรในยามเช้า ณ. ลานธรรมเชิงเขา .. ซึ่งรับรู้ได้ในคุณค่าอันยากจะพรรณนา อันเป็นเรื่องของธรรม .. ในธรรมชาติจริง ๆ
ธรรมชาติ .. ย่อมเป็นธรรมชาติ... ก่อร่างสร้างรูปไปตามเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะดีหรือจะเลวตามที่ชาวโลกสมมติบัญญัติ ... ธรรมชาติก็มิได้ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตาม.. ...นี่คือสัจธรรมที่ต้องเข้าใจในนิยามของความเป็นธรรมชาติ
การสร้างสรรค์ให้ชีวิตเกิดความสมดุลในธรรมชาติ การฟื้นฟูภูมิต้านทานมิให้บกพร่องชำรุดในสังคมยามนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรกระทำของผู้มีสติปัญญาอันมั่นคง .. ที่ย่อมเล็งเห็นผลจากการกระทำที่ถูกควร ไม่ฝืนธรรมชาติ .. ไม่ผิดแผกจากความเป็นธรรมดา
ยิ่งพิจารณาในเสียงสัตว์ป่านานาชนิด ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วรองรับแสงตะวันอาทิตย์ฉายในเช้าของวันใหม่ ดุจเป็นนาฬิกาแห่งชีวิตของธรรมชาติที่ดียิ่ง จึงให้ตื่นขึ้นจากการพักจิต กลับมาระลึกถึงกิจอันควรกระทำ การปลุกเร้าจากธรรมชาติ ให้ทุกชีวิตตื่นขึ้นมาในยามเช้าอย่างมีการระลึกรู้ จึงช่างสร้างสรรค์ให้เห็นทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติสอดคล้องกลมเกลียวกันจนดุจเป็นเรื่องเดียวกัน แม้จะหลากหลายผิดแผกแตกต่างกันไปตามสภาวธรรมนั้น ๆ ...และนี่แหละคือความน่ารัก ความสวยงาม ของธรรมชาติ .. ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติ อันให้มีความซื่อสัตย์-ซื่อตรง มั่นคง แน่วแน่ ในความเป็นธรรมชาตินั้น ๆ ที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมดาในทุกกรณี .. ในทุกสภาวะที่มีความเป็นเฉพาะตน ซึ่งแม้จะมีความผิดแผกแตกต่างกันไปตามสภาพธรรม แต่หาได้มีความแตกต่างกันในเชิงความเป็นสามัญลักษณะธรรมไม่ ดังที่แสดงให้เห็นได้อย่างเป็นธรรมดาในความมีอยู่จริงของธรรมชาติ
ความเป็นธรรมดา .. ที่เป็นธรรมดาอย่างไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา .. เสมอกันในทุกสรรพสิ่ง อันสะท้อนธาตุแท้ของธรรมชาติที่ให้ความยุติธรรม .. เสมอมาในทุกส่วนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง... นี่คือสัจธรรมที่มั่นคงสืบเนื่องปรากฏอยู่ในสายธารแห่งเวลาที่โลกควรจารึกไว้ เพื่อให้สัตว์ทั้งหลายที่มีสติปัญญาได้เรียนรู้ในความเป็นธรรมดาของธรรมชาติที่ไม่ผันแปรไปตามวันเดือนปี...
จริง ๆ แล้ว บนเส้นทางการศึกษาธรรมในพุทธศาสนา ได้ชี้ให้เห็นความจริงประการหนึ่งว่า.. หากคนเราทำความเข้าใจจนสามารถเข้าถึงความจริงแท้อันเป็นธรรมดาที่มีอยู่ในธรรมชาติได้ .. ก็ย่อมพัฒนาชีวิตไปสู่ทิศทางที่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษได้จริงแท้แน่นอน ด้วยการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ผิด .. ไปจากธรรมชาติ .. ไม่ฝ่าฝืนความเป็นปกติของความเป็นธรรมดา ที่ให้ความยุติธรรมอันมีอยู่ในธรรมชาติเสมอ อย่างไม่ต้องไปเรียกร้องเรียกหาจากใคร ๆ และจากที่ไหนเลย
เพียงแต่หากเรา-ท่านทั้งหลายรู้จัก “พึ่งตน-พึ่งธรรม” ตามหลักธรรมปฏิบัติของพระพุทธองค์ ก็ย่อมจักเข้าถึงประโยชน์แห่งชีวิตนี้ที่เกิดมาได้ฐานะอันเป็นเลิศ ที่สามารถพัฒนาการ กาย-วาจา-ใจ ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ได้
ในห้วงเวลาร่วม ๑๐ วันที่พำนักบนราวป่าเพื่อศึกษาธรรม .. จากธรรมชาติอย่างอุกฤษฏ์ สมฐานะความเป็นพระป่า .. อย่างเต็มกำลังธรรมทั้ง ๕ จึงนับเป็นคุณอย่างยิ่ง เพื่อการเข้าถึงประโยชน์แห่งชีวิตที่เกิดมาได้ฐานะมนุษย์เป็นบุรุษเพศ ... และได้ออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่หมั่นเสริมสร้างจิตใจให้รู้จักยินดีมีฉันทะ เพื่อปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม .. อย่างไม่เคยหยุดยั้ง... จึงเป็นห้วงเวลาที่มีคุณค่าต่อการชำระสะสางตรวจสอบความประพฤติปฏิบัติแห่งตน เพื่อการเข้าถึงปริสุทธิศีล อันเป็นความสำคัญยิ่งที่จะมุ่งสู่ปริสุทธิสมาธิและปริสุทธิปัญญา ... จึงต้องกล่าวสรรเสริญคุณแห่งธรรมชาติในเช้านี้ ที่สดใสสวยงามด้วยจิตใจที่มีศรัทธาในธรรมและมุ่งประพฤติธรรมอย่างยิ่งยวด เพื่อที่สุดคือวิมุตติธรรม... ณ พระธาตุภูหว้ารัตนคีรี .. เกาะภูเก็ต ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ อันเป็นมงคลกาลที่ควรบันทึกไว้เป็นอนุสติธรรม เพื่อสาธุชนพึงได้อนุโมทนาร่วมกัน
เจริญพร