รีสตาร์ทอย่างราบรื่น

รีสตาร์ทอย่างราบรื่น

กลับมาทำงานกันใหม่หลังวิกฤติใหญ่ ไม่เหมือนกับการเริ่มงานหลังวันหยุดเทศกาลต่างๆ

ที่ผู้คนมีความสุขมากบ้าง น้อยบ้าง ในระหว่างที่ห่างเหินไปจากการงานสักพักหนึ่ง เหมือนได้ไปประจุแบตเตอรีกันใหม่ แต่หยุดจากวิกฤติไม่มีความรู้สึกนั้นให้กับชีวิต ในทางตรงข้าม วิกฤติสร้างความหวาดกลัว พร้อมๆ กับการเสพสารพัดสื่อในระหว่างที่ละเว้นการงานและภารกิจที่เคยทำไปนานกว่าที่เคยเป็นมา ซ้ำเติมลดทอนความเชื่อมั่นในตนเองได้ในระดับหนึ่ง งานที่เคยว่าทำได้แน่ๆ ชักเริ่มหวั่นไหวว่า กลับมาใหม่จะทำได้เหมือนเดิมหรือไม่ ท่ามกลางคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคยในโลกใบเดิม

จะรีสตารท์อย่างราบรื่นได้ เริ่มจากการฟื้นฟูความมั่นใจของบุคลากรในการงานกลับคืนมา ถึงจะไม่เท่าของเก่าก่อนวิกฤติ ก็อย่าให้ตกต่ำกันจนการงานเดิมในโลกใบเดิมทำกันไม่ได้ ความท้าทายที่เป็นจริงนั้นรับมือได้ไม่ยาก แต่ความท้าทายจากมโน แก้ไขยากเย็น พูดกันเหมือนกับว่าโลกใบเดิมหายไปหมดแล้วจนทุกอย่างที่เคยมีมาหายไปหมด 

ดังนั้น เริ่มใหม่ด้วยการมองว่าโลกยังเป็นโลกเดิม เพียงแต่มีความท้าทายใหม่ที่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเอาชนะกันให้ได้ อย่าตื่นเต้นไปกับคำศัพท์ใหม่ๆ ที่บางคนชอบประดิษฐ์ขึ้นมาในยามวิกฤติ เพื่อใช้สร้างความสำคัญให้กับคนที่พูดคำศัพท์นั้น เริ่มใหม่ด้วยการแสดงความชื่นชมกับผลงานที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่าที่เคยทำ หรือเรื่องใหม่ที่หัดทำ ชมกันมากขึ้นอีกนิดในขณะรีสตาร์ท

กลับมาทำงานหลังวิกฤติ ผู้คนก็หวาดวิตกกันอยู่แล้ว ผู้บริหารที่อินกับความน่ากลัวของวิกฤติมากเกินไป เหมือนดูหนังผีทุกวันมา 2 - 3 เดือนแล้วเอาหนังผีนั้นมาข่มขู่คนทำงานซ้ำเข้าไปอีก การงานเลยทำด้วยวิตกจริต กลัวทำผิดทำพลาดกันไปหมด ดังนั้นอย่าเริ่มต้นใหม่ด้วยการข่มขู่สร้างความกลัว อย่าขู่ด้วยการยกเรื่องการตกงาน การเลิกกิจการ อย่าคิดว่าการลงแส้ตอนเริ่มต้นวิ่ง จะทำให้บุคลากรทำงานกันมากขึ้น คนไม่ใช่ม้า ลงแส้ต้อนม้า ต้อนวัว ต้อนควาย ทำได้แค่ให้สัตว์เหล่านั้นวิ่งไปในเส้นทางที่ต้องการ ถ้าคิดว่าการงานของท่านเหมือนการต้อนวัวต้อนควายก็ให้ขู่เข็ญกันมากๆ เข้าไว้ แต่ขอให้คิดดีๆ ว่ากิจการของท่านนั้นทำแบบวัวควายได้จริงหรือเปล่า?

การประชุมเป็นกิจกรรมหนึ่งของการงาน คนต้องทำงานด้วยกันก็ต้องพูดคุยบอกกล่าวกัน แต่เริ่มประชุมหลังวิกฤติต้องมีประสิทธิผลมากกว่าที่เคยเป็นมา ประชุมกันใหม่ต้องมีวาระที่ชัดเจนว่า เรากำลังจะตกลงจะตัดสินใจเรื่องอะไร อย่าทำให้เหมือนการปรับทุกข์กลางวิกฤติ ขึ้นต้นก็วิกฤติ ลงท้ายก็วิกฤติ จนประชุมเสร็จก็เห็นแต่วิกฤติ ไม่รู้ว่าตกลงจะทำอะไรกันแน่ อย่าเมาวิกฤติจนกระทั้งบอกไม่ได้ว่าความสำเร็จของการงานที่อยากให้ช่วยกันทำนั้นคืออะไ รบอกกันให้เจาะจงว่าความท้าทายสำหรับเราคืออะไร อย่าเอาความท้าทายร้อยเรื่องพันเรื่องที่ไกลจากเรามากๆ มาเป็นวาระในการประชุม หารือกัน ประชุมให้รู้ทั่วกันว่ากำลังจะเดินหน้าไปไหนบนเส้นทาง ที่มีความท้าทายอะไรอยู่บ้าง แค่นั้นพอแล้ว

วิกฤติ มักตามมาด้วยการขาดแคลนนานาประการ ขาดลูกค้า ขาดรายได้ ขาดเครื่องมือ เป็นต้น เพราะต่างคนต่างหยุดกันไปพักใหญ่ เริ่มงานใหม่ ท่ามกลางความขาดแคลนนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป หากเราไม่ซ้ำเติมความขาดแคลนนั้นให้หนักขึ้น โดยการออกข้อกำหนดที่ไม่มีความจำเป็นเพิ่มเติม ตั้งการ์ดสูงจนกระทั่งต่อยไม่ออกเพราะติดการ์ดตัวเอง งานที่เคยทำได้ง่ายๆ ก็สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานกันใหม่ เมานิวนอร์มอลกันจนงานยากแต่ทำได้ กลายเป็นงานที่ทำไม่ได้หลังวิกฤติ เป็นเวลาที่ผู้บริหารมีโอกาสแสดงฝีมือ ในการมุ่งเน้นความสำเร็จในการงานโดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนให้เกิดการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในวันนี้และในวันหน้า ถ้าบริหารกันเหมือนคนเฝ้าหีบสมบัติ ไอ้นั้นก็ห้าม ไอ้นี่ก็ห้าม แต่ไม่บอกว่าถ้าห้ามอย่างนั้นให้ทำอย่างนี้แทน อย่าปิดถนนโดยไม่บอกว่าเส้นทางเลี่ยงอยู่ที่ไหน เพราะจะไปไหนกันไม่ได้เลยหลังรีสตาร์ท