“ร่วมกัน" ฉ้อโกง?
เมื่อมีผู้สนใจสมัครงานจนสามารถตกลงค่าจ้างระหว่างทั้งสองฝ่าย “นายจ้าง” จึงอนุมัติรับ “ลูกจ้าง” เข้าปฏิบัติหน้าที่
อาจมีบันทึกข้อตกลงการจ้าง สิทธิประโยชน์ไว้เป็นหลักฐานการจ้าง ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เเม้ทั้ง 2 ฝ่ายได้จัดทำข้อตกลงการจ้างระหว่างกันเเล้ว อาจเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง หรือสัญญาจ้าง ย่อมเป็นเหตุให้อีกฝ่ายได้รับความเสียหายตามมา แต่ละฝ่ายสามารถใช้สิทธิทางศาลดำเนินคดีเเก่ผู้ผิดข้อตกลงการจ้าง หรือสัญญาจ้างต่ออีกฝ่ายได้ ยกตัวอย่าง “นายจ้าง” ไม่จ่ายค่าจ้างภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือค้างจ่ายค่าจ้างหลายเดือนติดต่อกัน หรือกรณี “ลูกจ้าง" หลอกลวงนายจ้าง ทำให้นายจ้างหลงเชื่อ ซื้อเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดที่ไม่ได้คุณภาพ มาตรฐาน ราคาถูก ร่วมกันปลอมแปลงใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี นอกจากขอบเขตงานตามที่ว่าจ้างตามข้อตกลงการจ้าง หรือสัญญาจ้างแล้ว ยังจำเป็นต้องคำนึง ความซื่อสัตย์ สุจริตของลูกจ้างเพิ่มเติมด้วย เมื่อนายจ้างมอบหมายลูกจ้างให้พิจารณาจัดซื้อจัดหาน้ำยาเคมี อุปกรณ์ทำความสะอาดรองรับการปฏิบัติงานของลูกจ้างเเล้ว ลูกจ้างมีหน้าที่จัดซื้อจัดหาตามที่นายจ้างมอบหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งหากนายจ้างทราบความผิดที่ลูกจ้างได้กระทำ “นายจ้าง” อาจร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน หรือใช้สิทธิทางศาลดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ “ลูกจ้าง” เป็นต้น
การรับสมัครพนักงาน ลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านรักษาความสะอาด หรือรักษาความปลอดภัย หรือธุรกิจอื่นใด นายจ้างจำเป็นต้องตรวจสอบประวัติ ผลงาน ภูมิหลังของบุคคลผู้สมัครให้ถี่ถ้วนรอบคอบ อาจรวมถึงนิติบุคคล ผู้รับจ้างเฉพาะทางบริการจัดหา ส่งบุคคลปฏิบัติงานในอาชีพดังกล่าวให้แก่นายจ้างยังจำเป็นต้องตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อป้องกันเหตุเเห่งความเสียหายในอนาคตแก่นายจ้างได้
โครงการนิติบุคคลอาคารชุด “ขนาดใหญ่” ชื่อ “ก” ในจังหวัดท่องเที่ยวชื่อดัง มีนิติบุคคลบริษัทจำกัดมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้พัฒนา เป็นเจ้าของโครงการดังกล่าว บนพื้นที่กว่าสองไร่เศษ 1 อาคาร สูง 30 ชั้น จำนวนห้องชุดจำหน่ายรวมกว่า 400 ห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเเละสาธารณูปโภคครบครัน
โครงการดังกล่าวจดทะเบียนกับ “กรมที่ดิน” เมื่อ เม.ย.2560 ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการจดทะเบียน หิ้วบุคคลธรรมดา นาย “ข” ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการ ตั้งเเต่วันจดทะเบียนนิติฯ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี นาย “ข” ผู้จัดการตกลงว่าจ้างนิติบุคคลชื่อ “ค” ซึ่งนาย “ข” เป็นเจ้าของกิจการ รับผิดชอบงานตามหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด “ก” เป็นเวลา 2 ปีตามสัญญาจ้าง ด้วยงบประมาณค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นค่าจ้าง ชำระให้นิติบุคคล “ค” เดือนละ 2 แสนบาทเศษ กับจำนวนบุคลากรของผู้รับจ้างนิติบุคคล ค รวมทั้งสิ้น 8 คน
คณะกรรมการจำนวน 5 คนได้รับการแต่งตั้งโดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วม “ครั้งเเรก" เมื่อ ต.ค.2560 เป็นตัวแทนเจ้าของร่วมทำหน้าที่กำกับ ควบคุม ตรวจสอบ ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการ นาย “ข” ส่วนนาย “ข” มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูเเล ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่นิติบุคคล ค เเละบุคลากร ลูกจ้าง ของนิติบุคคล “ค” อีก 8 คน ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจ้าง
ผู้จัดการนาย “ข” นิติบุคคลผู้รับจ้าง “ค” และคณะกรรมการจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการตามปกติ หรือการจัดประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วมตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ซึ่งกิจกรรมการประชุมดังกล่าวล้วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางตามข้อบังคับ ทั้งการอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง การอนุมัติค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน-ปี การหารือข้อปฏิบัติ แนวทางการอยู่อาศัยร่วมกัน ตลอดจนการรับฟังรายงานผลการดำเนินงานของผู้จัดการนาย “ข” และนิติบุคคล “ค” ผู้รับจ้าง เป็นต้น
เมื่อ ม.ค.2562 ผู้จัดการนาย “ข" และนิติบุคคลผู้รับจ้าง “ค” จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการตามปกติที่เคยจัดให้มีคราวละ 2 เดือนครั้ง มีวาระการประชุมพิจารณาอนุมัติคัดเลือก สรรหานิติบุคคล ผู้รับจ้างภายนอก “เฉพาะทาง” ได้แก่ งานจัดจ้างตรวจสอบ วิเคราะห์คุณภาพน้ำ “รายปี” ตามกฎหมายสิ่งเเวดล้อม พบว่ามีเอกสารเพียงใบเดียวเป็นสรุปรายงานเปรียบเทียบนิติบุคคลเฉพาะทาง ผู้เสนอราคารวม 3 ราย รายเเรกเสนอราคา 131,400 บาท รายที่สองเสนอราคา 109,283.40 บาท และรายสุดท้ายเสนอราคา 133,800 บาท
ที่ประชุมมีมติอนุมัติคัดเลือก “รายที่สอง” ตามราคาที่เสนอ 109,283.40 บาท ตามที่ผู้จัดการนาย “ข” เเละนิติบุคคล ผู้รับจ้าง “ค” ด้วยเหตุผลราคาต่ำ ถูกที่สุดกว่ารายแรกและรายสุดท้าย นิติบุคคลผู้รับจ้าง“ค” เเละผู้จัดการนาย “ข” ส่งเช็คชำระค่าจ้างงานตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำดังกล่าวต่อคณะกรรมการ เพื่ออนุมัติค่าจ้างจำนวนดังกล่าวต่อคณะกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม เพื่อชำระค่าจ้างให้เเก่นิติบุคคล “รายที่สอง” ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ
ต่อมาคณะกรรมการได้ตรวจสอบรายงานใบเสนอราคาการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำดังกล่าวกับนิติบุคคลผู้เสนอราคาทั้งสามราย “ด้วยตนเอง” โทรศัพท์สอบถาม และร้องขอ “ใบเสนอราคา” จากนิติบุคคลผู้เสนอราคาทั้งสามราย พบว่าใบเสนอราคา “รายเเรก” ราคาที่เสนอเป็นเงิน 91,806 บาท รายที่สองและสามราคาที่เสนอตรงตามใบสรุปรายงานที่เสนอของนิติบุคคลผู้รับจ้าง “ค” และผู้จัดการนาย “ข” เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ จึงได้ทราบความจริง ราคาที่เสนอรายแรกถูกกว่าราคาที่เสนอรายที่สองและสาม การกระทำของผู้จัดการนาย “ข” และนิติบุคคลผู้รับจ้าง “ค” และบุคลากร ลูกจ้างของนิติบุคคล ผู้รับจ้าง “ค” ทำให้คณะกรรมการหลงเชื่อ เรียกเอาผลประโยชน์ส่วนตน จึงถือได้ว่าร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการจึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานเเจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ภายในอายุความเพื่อให้ดำเนินคดีนาย “ข” ผู้จัดการ ลูกจ้างบุคคล เเละนิติบุคคลผู้รับจ้าง “ค” รวม 4 ราย ตามลำดับจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดย...
พิสิฐ ชูประสิทธิ์
นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุด – หมู่บ้านจัดสรรไทย
“ที่ปรึกษา” ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ