สู้สงครามด้วยสวนครัว
ภาครัฐและภาคเอกชนเห็นพ้องต้องกันว่า การทำสวนครัว สามารถช่วยคนจนได้ในระดับหนึ่ง จึงพยายามส่งเสริมให้ทำสวนครัวชุมชนภายในเมืองอย่างจริงจัง
พจนานุกรมนิยาม “สวนครัว” ว่า “บริเวณที่ปลูกพืชผักที่ใช้เป็นอาหารในครัวเรือน” โดยมิได้บ่งบอกถึงขนาด สำหรับ “สงคราม” นิยามหลักได้แก่ “การสู้รบครั้งใหญ่ของคนหลายกลุ่มที่ขัดแย้งกัน” นอกจากนี้ ยังใช้ในบริบทอื่นเพื่อสะท้อนการต่อสู้ การแข่งขันและการปะทะกันอย่างรุนแรงอีกด้วย เช่น สงครามการค้า สงครามปาก และสงครามกับความยากจน
คอลัมน์นี้ประจำวันที่ 13 พค. 2554 พูดถึงสวนครัวในกรุงวอชิงตันเนื่องจากตอนนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ล มกุฎราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักรเสด็จเยี่ยมสวนครัวในย่านคนจนของวอชิงตัน การเสด็จนั้นมิใช่เพื่อการสร้างภาพเนื่องจากพระองค์ทรงสนพระทัยในหลายด้านรวมทั้งการทำสงครามกับความยากจน การใช้ทรัพยากรและสวนครัวอินทรีย์ พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรการทำสวนครัวชุมชนในวอชิงตันด้วยพระองค์เอง
คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า แม้จะเป็นเมืองหลวงของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แต่วอชิงตันมีคนจนเป็นจำนวนมาก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเห็นพ้องต้องกันว่า การทำสวนครัวสามารถช่วยคนจนได้ในระดับหนึ่ง จึงพยายามส่งเสริมให้ทำสวนครัวชุมชนภายในเมืองอย่างจริงจัง เมื่อครั้งนางมิเชลล์ โอบามา เป็นสตรีหมายเลข 1 ถึงกับสนับสนุนให้ทำสวนครัวกันภายในบริเวณทำเนียบขาว ในปัจจุบัน วอชิงตันซึ่งมีประชากร 7 แสนคนมีสวนครัวชุมชน 68 แห่ง บางแห่งยึดหลักเกษตรอินทรีย์อย่างเคร่งครัด บางแห่งมีขนาดนับสิบไร่ซึ่งแบ่งซอยเป็นแปลงขนาดเล็กจำนวนมาก
สหรัฐเป็นประเทศอุตสาหกรรมแบบเบ็ดเสร็จ แม้แต่เกษตรกรรมก็ทำกันขนาดใหญ่จนกลายเป็นการทำอุตสาหกรรมแบบหนึ่งซึ่งใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงานคนและสัตว์ ด้วยเหตุนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จึงตั้งถิ่นฐานอยู่ในย่านโรงงานอุตสาหกรรม หรือไม่ก็ในเมือง ความรู้เรื่องการปลูกพืชจึงหายไปพร้อมกับการทำเกษตรกรรมแบบในครอบครัว กระนั้นก็ตาม ยังมีผู้เชื่อมั่นในความสำคัญของการรักษาภูมิปัญญาในการปลูกพืชไว้เพื่อนำออกมาใช้ได้ทันที ทั้งนี้เพราะเป็นที่ประจักษ์ว่าเมื่อเกิดปัญหาร้ายแรง สวนครัวสามารถช่วยลดปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ความเชื่อมันนี้ได้รับการยืนยันหลายครั้งรวมทั้งในระหว่างสงครามโลกและในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจยืดเยื้อเมื่อชาวอเมริกันทำสวนครัวอย่างกว้างขวาง
ในกรุงวอชิงตัน โครงการสวนครัวชุมชนได้รับความสนใจอย่างจริงจังอีกครั้งหลังชาวอเมริกันต้องทำสงครามกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก โครงการต่าง ๆ มีผู้ประสงค์จะเข้าร่วมเกินพื้นที่ของโครงการเป็นจำนวนมาก ทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชนจึงพยายามแสวงหาพื้นที่เพิ่มสำหรับสนองความประสงค์ของชาววอชิงตันในฤดูกาลเพาะปลูกหน้าซึ่งจะมาถึงในเดือนมีนาคม นอกจากบทบาทในด้านเศรษฐกิจแล้ว เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าสวนครัวชุมชนสามารถช่วยลดปัญหาสังคมได้ เช่น ความว้าเหว่เศร้าซึมลดลงเมื่อผู้อยู่แต่ลำพังภายในบ้านออกไปใช้เวลาทำงานอยู่กับดินและพืชพร้อมกับได้พบปะกับผู้ที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน สภาพความรกร้างของพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งมักเป็นที่สะสมขยะและที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายลดลงได้มากหากมันกลายเป็นสวนครัว
สำหรับในเมืองไทย แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงดูจะจูงใจให้ คนไทยสนใจทำสวนครัวกันมากขึ้น แต่มักเป็นการทำแบบตามบ้านของตน มิใช่ทำแบบสวนครัวชุมชนแบบในสหรัฐ เนื่องจากในเมืองเล็กใหญ่ มีพื้นที่ว่างอยู่ทั่วไป ประเด็นจึงอยู่ที่เราจะทำอย่างไรจึงจะนำพื้นที่เหล่านั้นมาใช้ทำเป็นสวนครัวชุมชนจนกว่าเจ้าของจะนำไปใช้ทำตามความประสงค์ของตน มองให้กว้างออกไป เมืองไทยโชคดีที่สังคมเมืองกับชนบทยังไม่ตัดขาดจากกันแบบสังคมอเมริกัน คนไทยส่วนหนึ่งจึงกลับไปพึ่งพาบ้านเกิดที่ยังทำเกษตรกรรมซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นสวนครัวขนาดใหญ่ได้ในยามวิกฤติเช่นเมื่อปี 2540 และเมื่อโควิด-19 รุกราน
ประเด็นจึงอยู่ที่เราจะทำอย่างไรจึงจะช่วยให้เกษตรกรรมแบบในครอบครัวอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคงและความเชื่อมโยงระหว่างเมืองกับชนบทยังแข็งแกร่ง แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดแก่ประเด็นนี้เพราะมองว่ามันเป็นอาวุธหลักของการทำสงครามกับความยากจนในเมืองไทย สงครามนี้จะชนะได้ด้วยการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเคร่งครัดทั้งโดยภาครัฐและภาคเอกชน