Digital First : การเป็นผู้นำในยุค Next Normal

Digital First : การเป็นผู้นำในยุค Next Normal

การเป็นผู้นำในยุคแห่งความปกติถัดไป (Next Normal) จะต้องอาศัย ยุทธศาสตร์ “ดิจิทัลมาก่อน” (Digital First) เท่านั้น! ในการขับเคลื่อนธุรกิจ

แม้ในยุคแห่งความปกติใหม่ (New Normal) หลายฝ่ายจะให้ความสำคัญกับการปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) แต่การเป็นผู้นำในยุคแห่งความปกติถัดไป (Next Normal) จะต้องอาศัยยุทธศาสตร์ ดิจิทัลมาก่อน” (Digital First) เท่านั้น โดยที่ Digital Transformation อย่างครึ่งกลางๆ จะไม่สามารถนำพาธุรกิจให้อยู่รอดในยุคถัดไปได้

เริ่มต้นจากยุคก่อนดิจิทัลที่ทุกสิ่งอย่างอยู่นอกโลกดิจิทัล (Offline) จนกระทั่งเข้าสู่ยุคแรกของโลกดิจิทัล (Online) ที่ Online และ Offline คงอยู่อย่างแยกจากกันและในยุคปัจจุบันที่เป็นการประสมประสานของทุกช่องทาง(Omni Channel และ OTO)

แต่สำหรับในยุค Next Normal ผู้นำจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ Digital First เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าทุกสิ่งอย่างต้องทำเพื่อดิจิทัลก่อนสิ่งอื่นใด

ในตัวอย่างของการซื้อขายสินค้าย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับอีคอมเมิร์ซมากกว่าหน้าร้านแบบกายภาพและการยึดถือลูกค้าของอีคอมเมิร์ซเป็นลูกค้ากลุ่มหลักที่จะสร้างมูลค่าสูงสุดในยุคต่อไป

ในตัวอย่างของธนาคารย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับออนไลน์แบงก์กิ้งมากกว่าสาขาแบบกายภาพและการยึดถือลูกค้าของออนไลน์แบงก์กิ้งเป็นลูกค้ากลุ่มหลัก

ในตัวอย่างของการศึกษาย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับอีเลิร์นนิ่งมากกว่าการเรียนการสอนในห้องเรียนและการยึดถือนักเรียนของอีเลิร์นนิ่งเป็นนักเรียนกลุ่มหลัก

ในตัวอย่างของการสื่อสารประชาสัมพันธ์ย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับสื่อOnlineมากกว่าสื่อOfflineและการยึดถือกลุ่มเป้าหมายOnlineเป็นกลุ่มหลัก

แม้กระทั่งในตัวอย่างของภาครัฐย่อมหมายถึงการให้ความสำคัญกับการเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ที่ให้บริการประชาชนผ่านช่องทางดิจิทัลมากกว่าการให้บริการผ่านสำนักงานที่เป็นกายภาพและการกำหนดเป้าหมายที่ประชาชนจะมีปฏิสัมพันธ์ผ่านดิจิทัลเป็นช่องทางหลัก

Digital Transformation ของประเทศไทยในปัจจุบันมีทั้งกลุ่มที่อยู่ในรูปแบบของ Digital First แล้วซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่และกลุ่มที่อยู่ระหว่างกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรุ่นกลางและกระทั่งกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าถึงดิจิทัลซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรุ่นดั้งเดิม

แต่สิ่งที่พึงสังเกตุคือธุรกิจที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจที่เป็น Digital First ยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดของ SET50 หรือกระทั่ง SET100 ซึ่งเป็นเพราะว่าประเทศไทยยังคงขาดความพร้อมที่จะผลักดันผู้ประกอบการดิจิทัลรุ่นใหม่(Startup)ให้ประสบความสำเร็จในระดับยูนิคอร์น(Unicorn)

แต่ในขณะที่ธุรกิจมูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐหรือกระทั่งประเทศจีนเกือบทั้งหมดจะเป็นธุรกิจดิจิทัลและจำนวนมากจะเป็นธุรกิจDigital Firstที่ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคดิจิทัลที่ให้บริการผ่านดิจิทัลเป็นช่องทางหลักหรือกระทั่งช่องทางเดียว(Digital Only)และเป็นเช่นนี้มากว่าทศวรรษแล้ว

ซึ่งธุรกิจ Digital First เหล่านี้เป็นยักษ์ใหญ่ข้ามชาติที่สามารถให้บริการได้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอย่างไร้พรมแดนที่เรารู้จักชื่อกันดี

ในยุค Next Normal สำหรับปี 2021 และอีกหลายปีต่อไปหลังจากนี้คงเป็นที่คาดหวังได้แล้วว่าโควิด-19จะอยู่กับเราไปอีกนานถึงจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนในหลายประเทศก็ตามแต่ผลสำเร็จยังคงเป็นสิ่งที่ต้องถูกพิสูจน์

ตราบเท่าที่การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการต่อไปดิจิทัลจะเป็นช่องทางเดียวที่ดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืนดั่งจะเห็นได้จากผลประกอบการของธุรกิจดิจิทัลระดับโลกที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากสถานการณ์โควิด-19 และยังมีอีกหลายธุรกิจดิจิทัลที่สามารถเติบโตได้ดีกว่ายุคก่อนโควิด-19

เพราะถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะถูกควบคุมได้อีกครั้งแต่ก็มีความเสี่ยงที่จะมีการระบาดอีกระลอกหนึ่งได้อย่างเสมอซึ่งช่องทาง Offline อาจไม่สามารถเป็นช่องทางหลักได้อย่างสม่ำเสมออีกต่อไป

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ผู้ที่ไม่เข้าถึงดิจิทัลจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง