ดิจิทัลเทคโนโลยี ปัจจัยที่ห้าของชีวิต
แม้ปัจจัยสี่ยังเป็นสิ่งที่เรายอมรับว่าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ปัจจัยที่ห้าคือดิจิทัลเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่แทบจะขาดไม่ได้
และสำหรับหลายคน กลายเป็นปัจจัยจำเป็นแห่งการดำรงชีพไปแล้ว
ปัจจัยที่ห้าเข้ามาในสังคมทุกหนแห่งทั่วโลก โดยการตอบรับด้วยความเต็มใจของผู้บริโภค ไม่ต้องมีการออกกฎหมายบังคับ ผลตอบแทนจากการใช้ปัจจัยที่ห้นี้ คุ้มค่ากับการลงทุน ผู้บริโภคกระตือรือร้น ฝึกปรือการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มข่าวสารข้อมูล ติดตามเหตุการณ์รอบข้าง ประกอบอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มปริมาณความสัมพันธ์ในสังคม เป็นต้น
ปีที่แล้วเกิดการประท้วงใหญ่ในอเมริกา กรณีที่ตำรวจจับกุมและทำร้ายร่างกายชาวอเมริกันผิวดำ GeorgeFloyd ประชาชนลุกฮือทำลายทรัพย์สิน เผาอาคารร้านค้า ต่อเนื่องด้วยกระแสเรียกร้องความเป็นธรรม BlackLives Matter
เหตุการณ์ปัจจุบันในไทยที่มีคลิปตำรวจใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมหัวผู้ต้องหา ใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชน และเกิดภาพพจน์ที่สียหายต่อตำรวจทั้งระบบ
สองตัวอย่างในอเมริกาและไทยข้างต้นนี้ แสดงถึงการที่ประชาชนใช้ปัจจัยที่ห้า บันทึกการกระทำที่ผิดกฎหมาย ใช้ช่องทางการสื่อสารในสังคม โชเชียลมีเดีย เรียกร้องความเป็นธรรม สองคดีนี้จะไม่มีใครรู้เลยว่าอะไรเกิดขึ้น หากไม่มีวิดีโอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สะดวกอยู่ในมือ วัฒนธรรมแห่งการเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปกป้องพวกพ้อง และพฤติกรรมที่เป็นโรคเรื้อรัง กำลังถูกแก้ไขด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี ที่อยู่ในมือของคนทั่วไป
บางคนอาจจะเห็นถึงจุดบกพร่องของการใช้เทคโนโลยีสื่อสาร เช่นการเสียเวลา เสียสมาธิ ขาดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ขาดการออกกำลังกาย ขาดการสัมผัสกับธรรมชาติ คนเปลี่ยนนิสัยเก็บตัวส้นโดษ สิ่งล่อแหลม
และอันตรายคุกคาม เยาวชนที่ยังปรับตัวไม่ทันเล่ห์เลี่ยมของสังคม การฉ้อโกงทางการเงินแบบแยบยลต่างๆ
แต่ปัจจัยที่ห้านี้ คงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะหยุดยั้งและย้อนกลับไปวันเก่า กติกาหลายอย่างในระบบเศรษฐกิจการค้า การบริการของรัฐ การศึกษา การเงินการลงทุนทั่วโลก ปรับและเปลี่ยนจากอนาล็อกมาเป็นจิทัลเทคโนโลยีกว่า 99% แล้ว ฉะนั้นเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องหันมาเผชิญหน้าและปรับตัวให้ทัน
การวางแผนลงทุนปัจจุบัน ควรให้น้ำหนักกับดิจิทัลเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนส่วนใหญ่แนะนำให้แบ่งสัดส่วนลงทุนกับเทคโนโลยีประมาณ 25% ของพอร์ตโฟลิโอ อาจถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเพิ่มขึ้นกว่า 51%
ดิจิทัลเทคโนโลยี 25 อย่างดังต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่เราทุกคนเจอในชีวิตประจำวัน ปริมาณและประสิทธิภาพจะทวีคูณขึ้นเรื่อย Website, e-commerce, smart phones, blockchain technology, cryptocurrency,artificial intelligence, cloud computing, 5G data, voice interfaces, video streaming, e-books,digital music, geolocation, blocks, social media, gadgets, 3-D printing, self-scan equipment,ATM machines, digital cameras, cars and other vehicles, digital appliances, robotics, drones and missiles, banking and finances
ระยะนี้จะมีประกาศจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ และสถาบันการเงินใหญ่ เพื่อดูการตอบสนองของผู้บริโภค เรื่องการใช้เงินตราแบบดิจิทัล Central Bank Digital Currency (CBDC) เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องตามภาคปฏิบัติให้ทัน เพราะประชาชนในเมืองใหญ่ต่างๆทั่วโลกคุ้นเคยและเชื่อมั่น กับระบบดิจิทัล บัตรเครดิต Appชำระเงิน โดยไม่ส้มผัสธนบัตรหรือเหรียญในชีวิตประจำวันเลย
ทัศนคติิต่อการใช้ดิจิทัลเทคโนโล ได้เปลี่ยนจากความสะดวกเป็นความจำเป็น ใครที่ตามไม่ทันก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็น digital natives จะเพิ่มกำลังการซื้อสูงขึ้น บริษัทต่างๆต้องวิ่งตามผู้บริโภคให้ทัน
สิ่งใหม่ที่หลายคนยังลังเลอยู่ คือ cryptocurrency รอบนี้มาแรงมาก ความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Bitcoin และ AItcoins มีที่ท่าว่าจะเป็นว่าวที่ติดลมเที่ยวนี้ บริษัทมีชื่อเสียง สถาบันการเงินต่างๆ และหน่วยงานรัฐบางแห่งตัดสินใจลงทุน สะสมเป็นสินทรัพย์ไว้ หรือมีทีมงานศึกษาเรื่องนี้โดยตรง การ
พยายามปรับปรุงการใช้พลังงานที่สะอาดขึ้นในการผลิต cryptocurrency ทำให้คนรุ่นใหม่สนับสนุนมากขึ้นคำแนะนำเดิมที่มักพูดกันว่าจะลงทุนกับ cryptocurrency ได้ ถึงแม้ว่าโอกาสจะมีกำไรสูง แต่ต้องเตรียมตัวสูญเสียเงินทุนทั้งหมด เพราะฉะนั้นควรจะจำกัดการลงทุนประมาณแค่ 1% ของพอร์ตโฟลิโอ ปัจจุบันจะเห็นนักลงทุนหลายคน เริ่มขยับความเสี่ยงมาที่ 2%
ที่ควรจับตามองคือ Stable Coins (ยี่ห้อ Tether, True USD, USD Coin, Binance, PaxosStandard) เป็นอีกกระแสที่กำลังมาแรงมาก เพราะจุดเด่นคือกำหนดมูลค่าติดกับเงินสกุลตราหลักเช่นดอลลาร์ สัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลอเมริกันมีคำสั่งด่วน ให้หามาตรการรับมือกับความนิยมเรื่องนี้ แสดงถึงความรุนแรงของกระแส
Stable Coins ต่างจาก CBDC ที่รัฐบาลควบคุมทุกแง่มุม ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเห็นจุดอ่อน และระแวงว่ารัฐบาลจะสอดรู้เห็นกิจกรรมการเงินทุกอย่าง และ cryptocurrency ที่มีความเป็นไปได้สูงมากแต่ยังมีราคาขึ้นลงหวือหวามาก
ในภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่มีการลงทุนใดที่จะดีกว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิต ของเราและคนในครอบครัว ปัจจัยที่ห้าดิจิทัลเทคโนโลยีที่มีทั้งคุณและโทษ อยู่ในมือเราแล้ว ขึ้นอยู่กับเราผู้ใช้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านและบุคคลที่ด้อยโอกาส แบ่งปันความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ด้วยน้ำใจไมตรี
ไม่เพียงแต่ประชาชนไทยเท่านั้น Digital Technology อยู่ในมือของรัฐบาลเช่นเดียวกัน อย่าพลาดโอกาสในการสื่อสาร เน้นความสามัคดีและความร่วมมือซึ่งเป็นประเพณีและสมบัติที่ฝั่งลึกกับความเป็นไทย นโยบายบางอย่างที่ผิดพลาด การทำงานที่บกพร่อง วัฒนธรรมที่ประชาชนตำหนิ เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ หากเริ่มต้นที่การยอมรับและขออภัย
ส่งกำลังใจถึงทุกท่าน จากสหรัฐอเมริกาครับ