ทำไม ผู้ผลิตรองเท้าเดินหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างเต็มที่
อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้ายังคงให้ความสำคัญกับแฟชั่น ความสบาย และประสิทธิภาพ กำลังหันมาผลักดันให้ความยั่งยืนเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กร
บทความโดย มินลี่ จ้าว รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายอุตสาหกรรมผู้บริโภค แผนก Performance Materials บีเอเอสเอฟ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ปรากฏการณ์น้ำท่วมที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย และหายนะที่เกิดขึ้นกับระบบนิเวศต่างๆ คือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนจนผู้คนทั่วโลกสามารถสัมผัสได้ ผู้บริโภคตื่นตัวที่จะใช้ชีวิตประจำวันอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ทั้งนี้จากรายงานล่าสุดโดย อีไอยู (Economic Intelligence Unit: EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสื่อชั้นนำอย่าง The Economist ภายใต้การสนับสนุนการจัดทำรายงานดังกล่าว โดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) พบว่า “การมีส่วนร่วมและการรับรู้ในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” เห็นได้ชัดจากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกูเกิล ที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย ตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ คือการขอให้ทบทวนข้อตกลงระหว่างจีนและลาวในการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงเพื่อเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ โดยเรียกร้องให้ทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อนตัดสินใจก่อสร้าง เพราะแม่น้ำโขงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชุมชนริมน้ำโขงทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม
ในขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้ายังคงให้ความสำคัญกับแฟชั่น ความสบาย และประสิทธิภาพ แต่แบรนด์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมกำลังหันมาผลักดันให้ความยั่งยืนกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อตอบสนองทัศนคติของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลายแบรนด์มุ่งมั่นในการบริหารจัดการปัญหาด้านระบบนิเวศและผสานความยั่งยืนเข้าไปในวัตถุประสงค์ กระบวนการและการสื่อสารของแบรนด์ รวมถึงยังพยายามสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สิ่งแวดล้อมช่วยให้แบรนด์เอาชนะใจลูกค้าและพนักงานในองค์กร
นอกจากความใส่ใจด้านจริยธรรมแล้ว ยังมีแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ผลักดันให้แบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอีกด้วย นั่นเป็นเพราะผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าให้ภาคธุรกิจสามารถนำเอาความสำเร็จทางการค้ามาผนวกเข้ากับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมได้ โดยผู้บริโภคเต็มใจที่จะแสดงออกผ่านการเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์เหล่านั้น ทั้งนี้จากรายงานโดยอีไอยูยังแสดงให้เห็นว่าปริมาณการค้นหาเกี่ยวกับสินค้ายั่งยืนผ่านกูเกิล ขยายตัวเพิ่มขึ้น 71% ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2559
ข้อกังวลด้านจริยธรรมมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อ การสำรวจโดยฮอตไวร์ (Hotwire) แสดงให้เห็นว่ากว่า 47% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเปลี่ยนไปใช้สินค้าหรือบริการอื่นๆ เพราะบริษัทที่จัดจำหน่ายหรือผลิตสินค้าดังกล่าวละเมิดค่านิยมส่วนบุคคล โดยประเด็นด้านการปกป้องด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นข้อกังวลอันดับต้นๆ นอกจากนี้ยังมีกรณีศึกษาโดยบริษัท ฮาวาส เวิลด์ไวด์ แสดงให้เห็นว่า 2 ใน 3 ของผู้บริโภคคิดว่าธุรกิจควรมีความรับผิดชอบในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากเท่ากับรัฐบาลต่างๆ
เป็นไปได้ว่าการวิจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมรองเท้ามาจากการสำรวจของแมคคินซีย์ สหรัฐอเมริกา (McKinsey US cohort survey) ที่แสดงให้เห็นว่า 66% ของผู้บริโภค (กว่า 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในกลุ่มมิลเลนเนียล) ถือว่าความยั่งยืนเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยและหรูหรา
ขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน
แน่นอนที่คำว่า “ความยั่งยืน” ครอบคลุมทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ซึ่งเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้บริษัทผู้ผลิตต่างๆ ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ด้วยตนเอง องค์กรต่างๆ จึงต้องทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมรองเท้า โดยผนวกเอาความเชี่ยวชาญและความใส่ใจด้านความยั่งยืนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
ที่บีเอเอสเอฟ ความยั่งยืนได้หยั่งรากสู่หัวใจหลักของแบรนด์ พวกเราร่วมก่อตั้งองค์กรพันธมิตรเพื่อยุติขยะพลาสติก (the Alliance to End Plastic Waste) ซึ่งเป็นความพยายามระดับโลกในการกำจัดขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม สำหรับความพยายามของเราในการผลักดันให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ใช้ประสบการณ์กว่า 40 ปีเกี่ยวกับวัสดุสำหรับผลิตรองเท้าในการสนับสนุนแบรนด์รองเท้าที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน
วัสดุที่ใช้ในการผลิตรองเท้าสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และเราก็มักจะหาพันธมิตรที่สามารถทำงานเชิงรุกร่วมกัน โดยใช้ความสามารถของแต่ละฝ่ายที่แตกต่างกัน ในการสร้างความร่วมมือที่เป็นที่น่าเชื่อถือ และร่วมกันพัฒนาโซลูชันที่สร้างความแตกต่างให้แบรนด์ของเราท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง
กรรมวิธีการผลิตรองเท้าแบบผสมผสานของวัสดุสองชนิดทั้ง Elastopan และ Elasttolan ที่บีเอเอสเอฟคิดค้นและพัฒนาเพื่อใช้เป็นวัสดุเสริมสำหรับรองเท้าโดยคำนึงเรื่องความยั่งยืนเป็นหลักร่วมกับวัสดุทีพียูที่สามารถรีไซเคิลได้กับวัสดุชีวมวลชนิดอื่นๆ ทั้งนี้ ในการผลิตเราใช้ชีวมวลอย่างสมดุล (biomass balance approach) ด้วยการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนและกระบวนการผลิตแบบยั่งยืนโดยที่ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพหรือคุณภาพของรองเท้าลดลง เช่น Elastollan เป็นวัสดุที่ใช้อุณหภูมิในการฉีดขึ้นรูปที่ต่ำกว่า ทำให้ลดระยะเวลาการผลิตลง เป็นยางที่ทนทานต่อความเย็นและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้สามารถแยกชิ้นส่วนในการประกอบการผลิตก้านรองเท้าได้ง่ายดายขึ้น ทำให้ลดเวลาการผลิตได้ถึง 30% ลดต้นทุนแรงงานและช่วยประหยัดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญเพื่อความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น
หนึ่งในพันธมิตรของเราได้ใช้วัสดุ Elastopan ในการลดความซับซ้อนในกระบวนการผลิตแผ่นรองเท้าผ้าใบ โดยที่ไม่ลดความสบายในการสวมใส่หรือประสิทธิภาพของรองเท้าลง แผ่นเสริมรองเท้าชนิดนี้จะช่วยให้ผู้สวมใส่สัมผัสถึงการเดินที่ดียิ่งขึ้น หนักแน่นในทุกย่างก้าวด้วยพื้นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกและกระจายแรงกดไปทั่วฝ่าเท้าตั้งแต่ส้นเท้าจรดปลายนิ้วเท้า ทำให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินในขณะที่สวมใส่ได้อย่างสบายและเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ การใช้วัสดุที่สามารถบ่มเย็นในการผลิตพื้นรองเท้ายังช่วยประหยัดพลังงาน เพราะใช้อุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ยังไม่มีการใช้น้ำยาถอดแบบแม่พิมพ์ (release agents) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามในการผลิตเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
อีกหนึ่งตัวอย่างที่พันธมิตรของเราผนวกแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับประสิทธิภาพมาจากแบรนด์ ทิมเบอร์แลนด์ ที่ใช้โฟม Elastopan พียูแบบไฮรีบาวด์ (Elastopan high-rebound PU foam) ในการผลิตพื้นรองเท้าชั้นกลาง (midsole) และแผ่นรองเท้า (insole) สำหรับการผลิตรองเท้ารุ่น Reaxion safety shoe ที่รองรับน้ำหนักได้ดีและใส่สบายตลอดวัน
ท้ายที่สุด นวัตกรรมวัสดุเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมให้แก่พันธมิตรของเราในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน หนึ่งในพันธมิตรของเราผลิตรองเท้าด้วยวัสดุรีไซเคิลจากโพลีเอสเตอร์ในการผลิตส่วนบนของรองเท้า ซึ่งสามารถนำมารีไซเคิลเพื่อใช้ในการผลิตผ้า ในขณะที่ส่วนล่างของรองเท้าใช้วัสดุทีพียู ซึ่งนำมาปรับใช้ได้หลายวัตถุประสงค์ เช่นการผลิตรองเท้าสกีอัลไพน์ นอกจากนั้นเรายังผลิตวัสดุทีพียูที่มีปริมาณคาร์บอนชีวภาพมากกว่า 55% และได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนในระดับสูงที่สุด เพื่อที่พันธมิตรรายอื่นจะสามารถนำมาใช้ในการผลิตรองเท้าระดับไฮเอนด์ได้อีกด้วย
ความยั่งยืนจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมการผลิตรองเท้าในอนาคต
เราจึงอยากจะเน้นย้ำว่า ความยั่งยืนจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันนวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าในอนาคต ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหามากมายอย่างสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การขาดแคลนทรัพยากร และขยะในทะเล จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้นำอุตสาหกรรมที่จะผนวกทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของตนเองเพื่อหาโซลูชันที่ส่งผลให้ทั้งเกิดกำไร ในขณะเดียวกันก็สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค
เนื่องจากการพัฒนาโซลูชันดังกล่าวมีทั้งแรงขับดันด้านจริยธรรมและด้านเศรษฐกิจ เราจึงตั้งตาคอยนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอยากจะเชื้อเชิญให้แบรนด์และผู้ผลิตในอุตสาหกรรมทุกท่านร่วมกันมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน.