วิกฤติความเชื่อมั่นของเครดิต​ สวิส... ใครคือโดมิโนตัวต่อไป

ตลาดทุนจับจ้องมาที่ธนาคารเครดิต​ สวิส (Credit ​Suisse) หลังราคาหุ้นร่วงหนัก​คนพร้อมแห่ถอนเงิน​ นักลงทุนในตราสารหนี้ห่วงธนาคารจะผิดนัดชำระหนี้​ ค่าประกันความเสี่ยง​หรือ​Credit​ Default Swap พุ่งขึ้นสูง​เกิดอะไรขึ้น 

ตัวแปรสำคัญคือ ข่าวผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง ​Saudi​National​ Bank ออกมาบอกว่าจะไม่ถือหุ้นเครดิต​สวิสมากไปกว่านี้ หรือไม่เกิน​ 10% เพราะไม่อยากทำตามกฎระเบียบ​ของยุโรป​ แต่นักลงทุนน่าจะคิดว่ามีอะไรผิดคาด​คนขาดความไว้ใจ จึงเกิดภาวะแตกตื่นอย่างที่เห็น 

จริงๆ​ แล้วเครดิต​ สวิสเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ​โดยเฉพาะในธุรกรรมด้านการบริหาร​ความมั่งคั่งให้ลูกค้า​ แต่ที่ผ่านมาก็พบว่ามีข่าวในด้านลบหลายครั้ง​ ทั้งข่าวลือ​การทำผิดกฎระเบียบ​ ถูกปรับฟ้องร้อง​ และการเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย​ จึงมีผลให้ฐานะทางการเงิน​ของธนาคารอ่อนแอลง ​แต่ธนาคารต้องหาทุนมาเพิ่มเพื่อรักษาระดับกองทุนของผู้ถือหุ้น​ เพราะธนาคารนี้จะได้รับการจัดประเภทเป็น​Systemically Important Financial Institution (SIFI) พูดง่ายๆ​ คือ หากล้มจะลามไปกระทบเศรษฐกิจ​มาก​ จึงต้องดูแลฐานะการเงินเป็นพิเศษ​(เรียกว่าต้องมีทุนมากกว่าแบงก์อื่น)​ 

แล้วรัฐจะอุ้มไหม...ธนาคารนี้ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มได้​ ล่าสุดธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์​มาอัดฉีดเงินเพิ่มสภาพคล่องให้เครดิต​ สวิส​ แต่จะอุ้มด้วยเงินภาษีประชาชนคงไม่ได้นาน​น่าเป็นการอุ้มคนฝากเงิน​หรือประคองด้านความเชื่อมั่น​ ไม่ให้ราคาร่วงไปกว่านี้ แต่น่าหาใครมาลงขันซื้อหุ้นไปในราคาถูก​เรียกว่าเป็นตัวแทนขายดีกว่ารัฐซื้อเอง​ สินทรัพย์​ยังมีคุณภาพดี​ โอกาสเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง​ก็ดี​เพียงแต่อาจเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น​ ผู้บริหาร​ และที่สำคัญ​ให้ราคาที่น่าสนใจ​แต่ทำตอนนี้​ ในภาวะตลาดแบบนี้คงไม่ง่าย​ ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ตัดส่วน​ Investment​ Banking​ ขาย​เอาเงินไปรักษาระดับทุน 

กลไกรัฐบาลเหมือนสหรัฐไหม... ไม่​เครดิต​ สวิสไม่ใช่​ SVB​ และยุโรปไม่ใช่สหรัฐ​ปัญหาเกิดแน่หากล้ม​ เพราะลำพังสวิตเซอร์แลนด์​คงไม่อาจอุ้มได้​ และอาจกระทบความเชื่อมั่น​ของประเทศ​ อย่าลืมว่าสวิตเซอร์แลนด์​ไม่อยู่ในยูโรโซน มีเงินตัวเอง​แต่ก็เสี่ยงผันผวน​ จะออกเงินมหาศาลมาค้ำก็ยาก​ และแบงก์นี้กระจายทั่วโลก​ จะคุ้มครองอย่างไร 

จะลามไหม... ลาม​เพราะใหญ่กว่า​ SVB​ และไม่กระจุกในเทค​ หรือผลจากดอกเบี้ย​ขาขึ้น​แต่นักลงทุนจะหาโดมิโนตัวต่อไป​ และมีหลายแบงก์ขนาดใหญ่ในยุโรปที่ไม่แข็งแกร่งหรือมีปัญหาขาดทุนมาก่อนหน้าแล้ว​ ช่วงนี้เหมือนการล่าแม่มด​มองหาว่าใครคือ แบงก์ที่จะล้มรายต่อไป 

แก้ปัญหาคราวนี้ไม่ง่าย​ และต้องรีบให้จบโดยเร็ว​ เพราะหากยืดเยื้อ​ แบงก์ในยุโรปจะมีปัญหา​เรื่อง​ความเชื่อมั่น​ นึกถึงเยอรมนี​ที่หากวันหนึ่งต้องเข้ามาอุ้มธนาคารในยุโรปด้วยการอัดฉีดสภาพคล่อง​แต่อีกมือก็ขึ้นอัตราดอกเบี้ย​เพื่อปรามเงินเฟ้อ​สุดท้าย​ ต้องทั้งเหยียบเบรก และคันเร่งพร้อมกัน​เศรษฐกิจ​ยุโรปอาจหมุนแกว่งตกทางได้​ นี่ยังไม่พูดถึงปัญหาหนี้สาธารณะ​อย่างอิตาลี​ หรือกรีซ​

แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย จะหมุนไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจ​เอง และลามไปทั่วโลก​ ผมมองว่าในที่สุดสวิตเซอร์แลนด์​และยุโรปน่าหาทางอัดฉีดเงิน ​ตั้งกองทุนขึ้นมาพยุงแบงก์ทั้งหลายไม่ให้ล้ม ​เพราะนี่คือ ชนวนวิกฤติความเชื่อมั่นของภาคการเงินทั่วโลก​ และท้ายสุด​ ธนาคารกลางยุโรป​ หรือ​ ECB ​อาจต้องพิจารณาว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้แค่ไหน​แม้เงินเฟ้อยังสูง 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์