มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2023 New Realities – Steering the path ahead

ปี 2023 ที่ผ่านไปแล้วครึ่งทางยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า การคาดการณ์ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจและการลงทุนโดยเฉพาะตลาดหุ้นนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

และมักจะมีประเด็นหรือเหตุการณ์ที่ไม่ได้ถูกคาดการณ์เกิดขึ้นเสมอ เราได้เห็นความปั่นป่วนจากวิกฤติในภาคธนาคารทั้งในสหรัฐฯ และในสวิสเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามดูเหมือนปัญหาเหล่านี้ก็ถูกจัดการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ปัญหาความกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ 

ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามยูเครนรัสเซียที่ยังยืดเยื้อ อัตราเงินเฟ้อที่แม้จะเริ่มปรับตัวลง แต่ก็ยังช้ากว่าที่คาดการณ์และยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางสำคัญยังมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งทำให้นักลงทุนนั้นปรับการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้นกลับไปกลับมาอยู่ตลอดและยังคงมีความกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอยในที่สุด

 อย่างไรก็ตามแม้ที่กล่าวมาทั้งหมดดูเหมือนจะมีแต่ปัจจัยลบ และไม่น่าจะทำให้การลงทุนในปีนี้ดีมากนัก โดยเฉพาะตลาดหุ้น แต่กลับพบว่าตลาดหุ้นโดยส่วนใหญ่กลับฟื้นตัวขึ้นมาได้โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งได้แรงหนุนจากกระแส Artificial Intelligence หรือ A.I. ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ราคาหุ้นในบริษัทที่ได้รับประโยชน์ในเรื่องนี้มีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ฟื้นตัวทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 33 ปี

ในช่วงครึ่งปีหลัง เรายังคงมุมมองว่าปี 2023 นั้นยังคงเป็น The year of the cool-down ตามที่เราเคยให้มุมมองไว้ในตอนต้นปี แม้ตัวเลขเงินเฟ้อนั้นอาจจะยังลดลงน้อยกว่าที่คาดจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีแรงส่ง หรือขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เรายังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงไปจนถึงปี 2024 ถึงแม้ว่าการคาดการณ์นี้อาจจะยังไกล แต่สิ่งที่เรายังคงเห็นในอนาคตอันใกล้นี้เรายังเห็นทิศทางการเติบโตที่แตกต่างกันหรือ Divergence ของเศรษฐกิจโลกนั้นยังคงอยู่ กล่าวคือเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นคาดว่าจะมีการชะลอตัวลงมากกว่าประเทศอื่นๆ หลังจากที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2ปี ที่ผ่านมา 

ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนเริ่มกลับมาเติบโตภายหลังการเปิดประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีโอกาสฟื้นตัวเนื่องจากได้อานิสงส์จากอุปสงค์จากจีน กล่าวโดยสรุป การบริโภคที่มีสัดส่วน 2ใน3 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความยืดหยุ่นหรือ resilient ของผู้บริโภคประกอบกับความแข็งแรงของฐานะทางการเงินของภาคเอกชนและตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งทั้งหมดนี้จะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจแค่ชะลอตัวลงแบบอ่อนๆ (mildly) ไม่หดตัวแรง

· จากมุมมองที่กล่าวมาเราให้ธีมการลงทุนในครึ่งปีหลังว่า A season for quality โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและล็อคอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับที่สูงในตราสารหนี้คุณภาพดี ลดคำแนะนำการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือ High yield bond ลงทั้งในสหรัฐฯและยุโรปจากความกังวลจากการคาดาอัตราการผิดนัดชำระหนี้จะเพิ่มขึ้น และเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่

· ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นเราแนะนำให้น้ำหนักกับกลุ่ม Defensive หรือกลุ่มที่มีความปลอดภัย และยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่ม Quality growth หรือกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจชะลอตัวสูงขึ้น โดยเราได้ปรับมุมมองการลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มในกลุ่มสื่อสาร ขณะที่การลงทุนในตลาดเอเชียโดยประเทศจีนพบว่าโมเมนตั้มทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวทำให้เราได้เห็นการเริ่มกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งแต่อาจจะยังไม่เพียงพอทำให้คำแนะนำการลงทุนยังเป็นกลาง (Neutral) เราแนะนำหุ้นรัฐวิสาหกิจจีน (SOE)ที่จะมีการปฏิรูปโครงสร้าง (reform) เพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

· ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนเราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะอ่อนค่าลงเมื่อหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เราคาดว่าค่าเงินสวิสฟรังค์ CHF มีโอกาสแข็งค่าเนื่องจากความเป็น safe haven ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินเยน JPY มีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินของธนาคารกลางญีปุ่นในช่วงข้างหน้า

· ในส่วนของธีม Next Generation เราเชื่อว่ากระแสการแข่งขันการพัฒนาด้าน Artificial Intelligence (AI) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เราชื่นชอบในกลุ่มผู้พัฒนาซอฟแวร์ (Software) ที่มีฐานหรือแหล่งข้อมูลของตัวเอง, สายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลคลาวด์ (cloud infrastructure providers) แม้ว่าหุ้นกลุ่ม AI เหล่านี้จะมีการปรับตัวขึ้นอย่างมากแต่ระดับมูลค่าในอดีตนั้นมีระดับที่ต่ำกว่าแนวโน้มแต่ยังคงมีคุณลักษณะที่น่าสนใจซึ่งจะยังช่วยให้มีโอกาสเติบโตได้

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะลงทุนควรติดต่อเพื่อสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมและเฟ้นหาการลงทุนที่เหมาะสมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน