Decoding the market signals for 2025
ปี 2025 ให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการรักษาเงินลงทุนในพอร์ตและเฝ้าติดตามการกลับมาของแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกครั้ง
ในโลกของการลงทุน การวิเคราะห์เศรษฐกิจและทิศทางตลาดที่ถูกต้องและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลมีมากมายจนยากที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลได้อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านจะทราบแนวคิดของเราที่ว่าดัชนี S&P 500 คือ “นักเศรษฐศาสตร์ที่ดีที่สุด” สะท้อนภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนได้ครบถ้วนที่สุด เราเชื่อว่าไม่มีนักวิเคราะห์เศรษฐกิจคนใดหรือแบบจำลองใดที่สามารถคาดการณ์เศรษฐกิจได้อย่างสม่ำเสมอและแม่นยำ ซึ่งดัชนี S&P 500 สามารถสะท้อนข้อมูลมหาศาลเกี่ยวกั
สถานการณ์เศรษฐกิจ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เราจึงใช้สัญญาณที่ดัชนีนี้ส่งมาเป็นจุดเริ่มต้นในการนำข้อมูลไปประเมินร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและตลาดทุน เมื่อใดก็ตามที่ตลาดส่งสัญญาณลบ เรามักตั้งคำถามเสมอว่าตลาดมองเห็นอะไรที่เราไม่เห็น หรือสิ่งใดที่เรายังไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดส่งสัญญาณลบตั้งแต่เดือนมกราคม แต่เรายังไม่มั่นใจว่าสัญญาณที่ส่งมาดังกล่าวสะท้อนถึงอะไร ขณะนั้นเราประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคตอันใกล้ซึ่งโดยปกติวัฏจักรตลาดหมีมักสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น ในปี 1990, 2001 และ 2008 อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 ตลาดหมีเกิดขึ้นโดยไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์นี้ทำให้เราเรียนรู้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไม่ได้สะท้อนเพียงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเท่านั้น แต่ยังอาจสะท้อนถึงปัจจัยอื่น เช่น การเร่งตัวของเงินเฟ้อ ทำให้เราได้ข้อสรุปว่าตลาดหมีอาจเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. แนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ 2. แนวโน้มเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น
ผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุน
ในกรณีที่ตลาดส่งสัญญาณถึงเศรษฐกิจถดถอย สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น จะถูกลดสัดส่วนลง และเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางมักผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หากตลาดสะท้อนถึงเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือการถือเงินสดหรือสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และหลีกเลี่ยงการถือครองพันธบัตร เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกดดันมูลค่าของพันธบัตร
ในปี 2022 เราเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวลงในเดือนมกราคม ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังอยู่ที่ 0.25% และยังไม่มีการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสามารถของตลาดในการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในช่วงปี 2022-2023
มุมมองสู่ปี 2025
ปลายปี 2024 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความมั่นใจและความคาดหวังในเชิงบวก โดยเฉพาะหลังจากชัยชนะของพรรครีพับลิกันในเดือนพฤศจิกายน และการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนมกราคม 2025 ดัชนี S&P 500 แสดงผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดหุ้นยุโรปถึง 23% และดัชนีหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัญญาณจาก S&P 500 ในปัจจุบันบ่งบอกว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่จุดสูงสุด ซึ่งเป็นช่วงที่ความมั่นใจของนักลงทุนสูงสุดจนเกือบเข้าสู่ภาวะ “ความคึกคะนอง” (euphoria) แม้เราจะยังแนะนำให้ลงทุนในตลาดต่อไปในช่วงต้นปี 2025 แต่เรามีแผนที่จะปรับลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนในระหว่างปี เนื่องจากเรามองว่าปี 2025 จะเป็นปีแห่งการรักษาเงินต้นหรือระมัดระวังมากขึ้นหลังจากการเติบโตของตลาดทุนในช่วงสองปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เรายังคงยึดหลักการสำคัญว่า เราไม่เคยพยายามคาดการณ์ “จุดสูงสุด” ของตลาดกระทิง เพราะช่วงสุดท้ายของตลาดกระทิงมักเกี่ยวข้องกับความคึกคะนองของนักลงทุนซึ่งอาจกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ได้ ในทางกลับกัน “จุดต่ำสุด” ของตลาดหมีมักเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ส่งท้ายปี 2024
เราสังเกตเห็นว่าการประเมินมูลค่าหุ้นในสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่เต็มมูลค่าแล้วแต่ก็ยังคงสมเหตุสมผล เรามองว่าการประเมินมูลค่าหุ้นเป็นผลลัพธ์มากกว่าสาเหตุ เพราะการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสะท้อนถึงกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุดในขณะนั้น การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น “Magnificent 7” จะยังคงมีศักยภาพ หากความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทเหล่านี้สามารถแปลงเป็นผลตอบแทนทางธุรกิจได้ในไม่ช้า เราจึงไม่ควรปรับกลยุทธ์พอร์ตการลงทุนให้เป็นเชิงรับเพียงเพราะการประเมินมูลค่า
สำหรับปี 2025 เรายังคงให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการรักษาเงินลงทุนในพอร์ตและเฝ้าติดตามการกลับมาของแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกครั้ง และในปีใหม่นี้ขอให้นักลงทุนมีความสุขและมีแต่สิ่งที่ดีตลอดปีครับ
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน