Good Governance Great Opportunities

ตลอดไตรมาสแรกของปี 2568 ทุกท่านคงเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า โลกกำลังเผชิญกับคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการค้าจากการตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ดำเนินมากว่า 5 ปี และกำลังขยายไปสู่แคนาดา เม็กซิโก และ EU ตลอดจนคู่ค้าสำคัญทุกรายของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ AI ก็จะเข้ามาพลิกโฉม การทำธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งหมดนี้สร้างความไม่แน่นอนที่ธุรกิจทุกขนาดต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนดังกล่าว ทำให้ธุรกิจที่มีลักษณะยืดหยุ่น (Resilience) ถูกมองว่า มีโอกาสอยู่รอดท่ามกลางมรสุมของการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากสามารถรับแรงกระแทกจากความเสี่ยงและปรับตัวได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันธุรกิจที่ยังรักษาจุดยืนด้านธรรมาภิบาล (Good Governance) ก็มีส่วนสำคัญ ที่ช่วยสร้างโอกาสในหลากหลายมิติ เช่น

· เข้าถึง Supply Chain ของผู้ผลิตรายใหญ่ ข้อมูลจาก World Economic Forum ระบุว่า Business Integrity หรือความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจคือแต้มต่อสำคัญสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในการเข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก ทั้งนี้ บริษัทรายใหญ่ของไทยก็คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนได้จากรายชื่อหุ้นยั่งยืนหรือ SET ESG Ratings ของไทยปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 228 บริษัท จาก 51 บริษัทในปี 2558 จึงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่เป็น Supplier ให้กับบริษัทเหล่านี้ต้องเร่งปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อรักษาโอกาสทางธุรกิจ เพราะหากไม่ปรับตัวหรือปรับตัวไม่ทัน ย่อมจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งที่ปรับตัวได้ก่อน และอาจถูกตัด ออกจาก Supply Chain การผลิต

· เข้าถึงตลาดส่งออกและกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ หลายประเทศประกาศใช้กฎระเบียบด้าน สิทธิมนุษยชนครอบคลุมคู่ค้า/Suppliers ที่อยู่ใน Supply Chain เช่น เยอรมนีประกาศใช้ The Supply Chain Due Diligence Act โดยผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธ การนำเข้า เช่นเดียวกับแคนาดาที่ผ่านกฎหมาย Fighting Against Forced Labour and Child Labour in Supply Chains Act ซึ่งกำหนดให้บริษัทในแคนาดาต้องตรวจสอบและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้แรงงานบังคับและแรงงานเด็กของ Suppliers ในห่วงโซ่อุปทานของตน นอกจากนี้ ในแง่ผู้บริโภคยุคปัจจุบันก็ใส่ใจมากขึ้น กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากผลสำรวจของ PricewaterhouseCoopers (PwC) พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 20% สำหรับสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านจริยธรรมที่ดี การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีจริยธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือ ดึงดูดลูกค้า และเข้าถึงตลาด

· เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยพิเศษ ปัจจุบันตลาดเงินและตลาดทุนต่างนำประเด็น ESG มาใช้พิจารณาการให้สินเชื่อหรือเลือกลงทุนกันมากขึ้น โดยสินเชื่อ ESG มักมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และตราสารหนี้ ESG เพื่อระดมทุน ก็มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ หรือได้รับเงินทุนจากกองทุน ESG ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากบริษัทที่มีธรรมาภิบาลมักมีความเสี่ยงต่ำกว่าและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจากการศึกษาของ Morgan Stanley Capital International (MSCI) พบว่า บริษัทที่ได้คะแนน MSCI ESG สูงกว่าสามารถจัดหาเงินทุนได้ในอัตราต่ำกว่าทั้งในตลาดตราสารทุนและตลาดตราสารหนี้ สะท้อนให้เห็นว่าธรรมาภิบาลช่วยลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ในฐานะสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาประเทศ EXIM BANK ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมาภิบาล และพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการทุกขนาดในการปรับตัวสู่การดำเนินธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล เพราะเราเชื่อมั่นว่า “ธรรมาภิบาลที่ดี นำมาซึ่งโอกาสอันยิ่งใหญ่” ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ธรรมาภิบาลคือ เข็มทิศนำทางธุรกิจสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผมจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจ อย่างโปร่งใสและมีจริยธรรมเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ และเติบโตอย่างมั่นคงในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ครับ