เมื่อมนุษย์ทำสงครามเกินสามด้าน | ไสว บุญมา
ตลอดประวัติศาสตร์ มนุษยชาติทำสงครามอยู่ 3 ด้านเสมอ แต่ละด้านเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดบ้าง ไม่ค่อยชัดบ้าง แตกต่างกันไป
การสู้รบกันในยูเครนในปัจจุบันซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบขวบปี เป็นสงครามระหว่าง “มนุษย์กับมนุษย์” และเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นอย่างเด่นชัด แม้ฝ่ายรัสเซียจะไม่เรียกว่าสงคราม หากเรียกว่าการปฏิบัติการพิเศษก็ตาม
สงครามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์แต่ละครั้งมักยุติลงด้วยการพ่ายแพ้ของฝ่ายหนึ่งเสมอ อย่างไรก็ตาม หากมองจากมุมของการใช้ทรัพยากร ทั้งสองฝ่ายย่อมพ่ายแพ้เสมอ
ทั้งนี้ เพราะสินทรัพย์ที่ใช้ไปในการทำอาวุธทั้งหลายและที่ถูกทำลายจากการใช้อาวุธเหล่านั้นเป็นความสูญเปล่า นอกจากนั้น ทรัพยากรอันสำคัญยิ่งยังต้องสูญเปล่าไปอีกด้วย ได้แก่ ทรัพยากรมนุษย์
สงครามด้านที่ 2 มักเห็นได้ไม่ค่อยชัดนักและบางคนอาจไม่ยอมรับว่าเป็นสงครามด้วยซ้ำ ได้แก่ สงครามระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ตั้งแต่อุบัติขึ้นมา
มนุษย์พึ่งพาอาศัยธรรมชาติเพื่อดำรงชีวิตซึ่งให้ปัจจัย 4 อย่างครบถ้วน แต่ด้วยกิเลสตัณหา มนุษย์มักทำร้ายสิ่งที่ตนจำเป็นต้องพึ่งพานั้นด้วยวิธีการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เมื่อผลของการทำร้ายนั้นนำไปสู่การขาดสมดุลอย่างร้ายแรง ธรรมชาติจึงจะตอบโต้อย่างแจ้งชัด ในปัจจุบัน การตอบโต้ที่กว้างขวางที่สุดของธรรมชาติเห็นได้จากอาการของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ อันเนื่องมาจากอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น
เช่น ลมพายุที่ร้ายแรงขึ้นและเกิดบ่อยขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งผลให้ชายฝั่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำถูกน้ำทะเลกลืนไป หรือไม่ก็เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่เป็นประจำ และภาวะแห้งแล้งร้ายแรงสลับกับภาวะน้ำท่วม
สงครามด้านที่ 3 ตามธรรมดาคนทั่วไปมองไม่เห็น เนื่องจากมันเกิดภายในจิตใจของแต่ละบุคคล เป็นสงครามกับตนเอง คู่ต่อสู้ได้แก่การคิดฝ่ายร้ายกับการคิดฝ่ายดี
ฝ่ายร้ายนำด้วยกิเลสตัณหาซึ่งพยายามพาไปทางร้าย ฝ่ายดีเป็นฝ่ายต่อต้าน คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้สึกว่ามีการต่อสู้กันเนื่องจากฝ่ายดีได้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบแล้ว
ฝ่ายดีมีชัยชนะอยู่บ้างในระดับต่างๆ กันจากชาวบ้านที่ดำรงชีวิตตามกฎเกณฑ์ของสังคมที่วางอยู่บนฐานของคุณธรรม อย่างพอเพียง ไปจนถึงผู้เป็นอรหันต์ตามมุมมองของพุทธศาสนา การพ่ายแพ้ต่อฝ่ายร้ายในการทำสงครามกับตนเองนี้มีความสำคัญยิ่งเนื่องจากมันเป็นต้นตอของการก่อสงครามด้านอื่น
ในช่วงนี้ เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เอื้อให้มนุษย์สามารถสร้างหุ่นปัญญาประดิษฐ์ที่คิดและทำงานแทนมนุษย์ได้มากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
หลังบริษัทผู้สร้างหุ่นปัญญาประดิษฐ์ชื่อ Chat GPT เปิดให้คนทั่วไปทดลองใช้เมื่อวันสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้สนใจอย่างกว้างขวางทั้งในทางบวกและทางลบ
เนื่องจากมันมีความสามารถและลักษณะพิเศษไม่ว่าจะเป็นในการสนทนา ค้นหาข้อมูล ตอบคำถาม หรือทำงานแทนนักเรียน ลักษณะพิเศษอันเป็นจุดสนใจที่สุดของมันเป็นด้านมาตรฐานทางจรรยาบรรณซึ่งต่ำกว่าหุ่นรุ่นที่ออกมาก่อนๆ
จึงทำให้เกิดความวิตกในหมู่ผู้สังเกตการณ์ว่า ปัญหาใหญ่หลวงจะตามมาเมื่อการแข่งขันทางธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรสูงสุด นำไปสู่การลดมาตรฐานทางจรรยาบรรณลงเรื่อยๆ
คอลัมน์นี้อ้างหลายครั้งว่า เทคโนโลยีมีคำสาปแฝงมาด้วยเสมอ การลดมาตรฐานทางจรรยาบรรณในการสร้างและการใช้เทคโนโลยีใหม่จะทำให้คำสาปร้ายแรงยิ่งขึ้น ในด้านปัญญาประดิษฐ์ซึ่งคิดและทำงานแทนคนได้
ต่อไปการไร้จรรยาบรรณของมันจะจูงใจให้มันทำความเลวต่างๆ รวมทั้งการสร้างหุ่นพวกเดียวกันขึ้นมาเอง หุ่นรุ่นใหม่นี้จะสร้างปัญหาสาหัสให้แก่มนุษย์
เมื่อถึงวันนั้น สงครามด้านที่ 4 จะเกิดขึ้นโดยมนุษย์จะใช้อาวุธในรูปของปัญญาประดิษฐ์ที่มีจรรยาบรรณทำลายล้างพวกหุ่นที่สร้างโดยหุ่นปัญญาประดิษฐ์เอง
สงครามด้านที่ 4 จะมีผลร้ายแรงแน่ แต่จะจบอย่างไรยากแก่การคาดเดา ในกรณีที่มนุษย์พ่ายแพ้ แน่ละ มนุษย์จะสูญพันธุ์ หรือถ้าอยู่ต่อไปได้ก็จะเป็นไปในสภาพทาสของปัญญาประดิษฐ์
เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ หรือเป็นทาสจากการทำสงครามกับปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต ผู้สร้างและผู้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันควรเอาชนะสงครามด้านที่ 3 อันเป็นสงครามกับตัวเองเสียก่อน