มาร์กาเร็ต มีด Margaret Mead ครูด้านอารยธรรม

มาร์กาเร็ต มีด Margaret Mead ครูด้านอารยธรรม

มาร์กาเร็ต มีด (ค.ศ. 1901-1978) นักมานุษยวิทยาสตรีชาวอเมริกัน ศึกษาและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจว่าเราควรตระหนัก/เคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชุมชนสังคมต่างๆ ที่หลายแห่งเป็นสังคมดั้งเดิม

วัฒนธรรมแต่ละแห่งเหมาะและเป็นประโยชน์สำหรับคนท้องถิ่น เราไม่ควรไปใช้วัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่ที่ครอบงำโดยผู้ชายผิวขาวไปตัดสินสังคมอื่นๆ

เธอเป็นนักคิด นักวิชาการ แนวเสรีนิยมอิสระนิยมผู้มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้ที่แท้จริง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนามนุษยชาติ

เธอท้าทายความคิดดั้งเดิมที่หัวโบราณและมีอคติ เช่น ความเชื่อเรื่องผู้ชายเป็นใหญ่เหนือผู้หญิง การต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนาความเชื่อในบางเรื่องอย่างเคร่งครัดมากไป

ผมคิดว่าการเลือกงานเขียนสั้นๆ ของมากาเร็ต มีด เธอมานำเสนอ น่าจะบอกให้ผู้อ่านรู้จักแนวคิดของเธอได้ดีกว่าคำอธิบายใดๆ

วาทะคำคมของมากาเร็ต มีด

“อย่าหวังพึ่งว่าสถาบันหรือรัฐบาลจะมาช่วยแก้ปัญหาใดๆ ได้จริง องค์กรเคลื่อนไหวทางสังคมทั้งหมดนั้นถูกจัดตั้ง ชี้นำ ให้แรงจูงใจ และลงมือทำโดยความมุ่งมั่นของปัจเจกชนทั้งหลายมากกว่า”

“อย่าสงสัยเลยว่าพลเมืองที่ช่างคิดและมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยน (สังคม) กลุ่มเล็กๆ จะสามารถเปลี่ยนโลกได้หรือไม่ เพราะจริงๆ แล้ว มันคือวิธีทางเดียวที่โลกเคยเปลี่ยนแปลงมา”

“คนเดินทางออกไปจากบ้านฉลาดกว่าคนที่ไม่เคยเดินทางออกไปจากบ้านของตนเองเลย เช่นเดียวกัน ความรู้ในเรื่องวัฒนธรรมของคนในสังคมอื่นจะช่วยทำให้เราฉลาดมากขึ้น ที่จะรู้จักวิเคราะห์วัฒนธรรมของเราเองอย่างสม่ำเสมอและชื่นชมด้วยความรักใคร่ได้มากกว่า”

“ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตศึกษาเรื่องชีวิตของคนกลุ่มอื่นๆ กลุ่มที่อยู่ห่างไกลไปจากเรามาก เพื่อที่ชาวอเมริกันจะได้รู้จักตัวพวกเขาเองมากขึ้น”

“วันนี้, เมื่อเราเข้าใจกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมผ่านการพัฒนาและการส่งต่อทางวัฒนธรรมมากขึ้น เราตระหนักว่า คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่อยู่ที่ความสามารถของมนุษย์ในการเรียนรู้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์อื่นต่างก็เรียนรู้เป็นเหมือนกัน แต่คือความสามารถในการสอนและการสะสมสิ่งที่มนุษย์คนอื่นได้พัฒนาและสอนเอาไว้”

“เราจะต้องสร้างสรรค์ส่วนที่ยืดหยุ่นและซับซ้อนของระบบการสร้างและถ่ายทอดความรู้ นั่นก็คือ เรื่องพฤติกรรมของผู้ใหญ่ เราจะต้องสอนพวกเราว่าเราจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ได้อย่างไร เพื่อที่จะยกเลิกวิธีการเลี้ยงดูเด็กแบบหัวโบราณ

รู้จักการออกแบบวิธีเลี้ยงดูเด็กด้วยความอดกลั้นแบบใจกว้างมากขึ้น และค้นพบวิธีการสอนและการเรียนรู้ที่พร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในอนาคตได้ เราจะสร้างโมเดลใหม่สำหรับผู้ใหญ่

ผู้สามารถสอนว่าเด็กควรจะเรียนรู้ได้อย่างไร (How) ไม่ใช่ควรจะเรียนรู้อะไร (What) และเด็กควรจะเรียนรู้คุณค่าของการมุ่งมั่นที่จะทำอะไรด้วยตัวเขาเอง มากกว่าการบอกว่าพวกเขาควรมีคุณค่าอย่างไร”

“ถ้าเราจะให้อนาคตเป็นเรื่องที่เปิดกว้างและเป็นอิสระ เราต้องการผู้คนประเภทที่อดกลั้น ใจกว้าง ต่อสิ่งที่เรายังไม่รู้ได้ ผู้คนประเภทที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากระบบที่มีการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์ หรือมีแบบพิมพ์เขียวดั้งเดิมจากโลกอดีต”

“ฉันวัดความสำเร็จของปัจเจกชนในแง่ที่ว่าเขามีส่วนทำประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ แค่ไหน”

“ยังไม่มีสังคมไหนที่จะสามารถจัดการกับแรงยั่วยวนของเทคโนโลยีที่ชวนให้เราเป็นนายควบคุมธรรมชาติ สร้างความเสียหาย ทำงานอย่างกระฉับกระเฉง สำรวจและกดขี่ขูดรีด

เราต้องเรียนรู้ที่จะทะนุถนอมโลกนี้เหมือนเป็นสิ่งที่เปราะบางแตกหักได้ง่าย ว่านี่คือโลกเพียงดวงเดียว คือทั้งหมดที่เรามีอยู่ เราจะต้องใช้ความรู้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขอันตรายที่เกิดจากการใช้ศาสตร์และเทคโนโลยีของพวกเรา”

งานเขียนของมาร์กาเร็ต มีด ที่ผมชอบมากคือ บทกวีแบบกลอนเปล่าสำหรับงานศพ หรือในแง่หนึ่งคือคำปลอบโยนสำหรับคนมีชีวิตอยู่ในยามคนที่เขารักต้องจากโลกนี้ไป

จำฉันไว้

“สำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, เหมือนฉันจากไปแล้ว,

สำหรับคนที่โศกเศร้า, เหมือนฉันจะไม่มีทางได้กลับมาอีก,

สำหรับคนที่โกรธแค้น, เหมือนฉันถูกคดโกง,

แต่สำหรับคนที่มีความสุข, ฉันพบความสงบแล้ว,

และสำหรับคนที่มีศรัทธา, ฉันไม่ได้จากไปไหน,

ฉันพูดไม่ได้, แต่ฉันฟังได้.

ไม่มีใครเห็นฉันได้, แต่ฉันยังคงได้ยิน,

เช่นเดียวกับเวลาที่คุณยืนอยู่บนชายฝั่ง จ้องมองไปที่ท้องทะเลที่สวยงาม,

เช่นเดียวกับเวลาที่คุณมองดอกไม้และชื่นชมความเรียบง่ายของดอกไม้เหล่านั้น ,

จำฉันไว้.

จำฉันไว้ในหัวใจของคุณ:

ในความคิดของคุณ, ในความทรงจำของคุณ, 

ถึงวันเวลาที่เราเคยรัก,

วันเวลาที่เราเคยร้องไห้,

วันเวลาที่เราเคยต่อสู้, วันเวลาที่เราเคยหัวเราะ,

เพราะถ้าหากคุณยังนึกถึงฉันอยู่เสมอ, ฉันจะไม่เคยจากไป”