Entertainment Complex ต้องผ่าน SEA ก่อน

Entertainment Complex หรือสถานบันเทิงครบวงจร ที่เราเรียกขานกันในชื่อโครงการกาสิโนนี้ กว่าจะทำได้และได้ทำ แน่นอนต้องผ่านกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA มาก่อน
แต่ในกฎหมาย EIA นี้อาคารขนาดเล็กนิดเดียว เพียงแค่หอพัก 80 ห้องก็ต้องทำ EIA เช่นกัน ดังนั้น ถ้าเราจะคิดง่ายๆเพียงว่าโครงการกาสิโนนี้ถ้าผ่าน EIA ตามกฎหมายแล้วควรให้ดำเนินการต่อได้ อันนี้ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าคิดผิดแล้ว
เพราะแม้จะต้องทำ EIA เหมือนกัน แต่ขนาดและระดับของผลกระทบทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจของสองโครงการนี้ต่างกันได้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า จึงพิจารณากันตื้นๆ ไม่ได้
SEA การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
โลกปัจจุบันได้มีกติกาขึ้นมาใหม่เป็นการเฉพาะ ใช้สำหรับโครงการที่ขนาดใหญ่มากๆ หรือกินพื้นที่อาณาบริเวณกว้างมากๆ อย่างเช่นโครงการคาสิโนนี้
กติกาหรือกฎหมายนี้มีชื่อว่า SEA ย่อมาจาก Strategic Environmental Assessment ที่แปลว่าการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ประเทศไทยเราก็ได้เคยพยายามจะออกกฎหมาย SEA นี้เพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลก
แต่ไม่ผ่านมติ ครม.ด้วยเหตุผลว่าทำให้โครงการใหญ่ดำเนินการได้ช้าลง แต่ก็เพราะมันใหญ่พิเศษนี่สิจึงต้องพิถีพิถันและทำเร็วๆไม่ได้ มันต้องช้าในระดับที่ควรช้า
ประเทศที่มีกฎหมาย SEA มาแล้วหลายปีได้แก่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รวมไปถึงประเทศที่ไม่ใหญ่นักอย่างเกาหลีใต้และเวียดนาม หรือแม้กระทั่งประเทศที่ไม่ร่ำรวยนักอย่าง Ghana และ Montenegro จนทำให้สงสัยว่าแล้วประเทศไทยทำอะไรอยู่ นี่เราล้าหลังกว่ากาน่าแล้วหรือ
SEA กับ SD การพัฒนาที่ยั่งยืน
การใช้กระบวนการ SEA นั้นเป็นการทำงานในระดับยุทธศาสตร์ คือ ต้องมองลึกไปถึงระดับยุทธศาสตร์ว่าศักยภาพในพื้นที่นั้นทำอะไรได้บ้าง มากแค่ไหน
ขณะเดียวกันก็ต้องดูขีดจำกัดของพื้นที่นั้นด้วยว่า ทำอะไรไม่ได้หรือได้น้อยเพียงใด ไม่ใช่มองเพียงว่าจะมีผลกระทบสิ่งแวดล้อมอะไร เพียงใด แก้ได้อย่างไร แบบใน EIA เท่านั้น
จึงมีคำถามว่าพื้นที่ 3-4 แห่ง เช่น ภูเก็ต ที่รัฐบาลได้เอ่ยถึงว่าเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสจัดตั้งเป็นสถานบันเทิงบวกคาสิโนนั้น ได้มองให้ครบถ้วกระบวนการแบบ SEA แล้วหรือยัง
คำว่า environment หรือสิ่งแวดล้อม หลายคนจะตีความแบบเดิมๆว่าเป็นเรื่องของน้ำ ดิน อากาศ หรือมลพิษ ซึ่งนี่ไม่ใช่หลักคิดของ SEA
คำว่าสิ่งแวดล้อมในกรณี SEA นี้จะมองในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development, SD ที่ต้องมองทั้งมิติ สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐศาสตร์ ที่ได้ระดับความสำคัญเท่ากัน อย่างบูรณาการกัน ไปพร้อมๆกัน จะเน้นเพียงรายได้หรือ GDP อย่างเดียวอย่างที่รัฐบาลกำลังอธิบาย ไม่ได้
ไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วย SEA
ไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วย SEA ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำ SEA ก่อน พูดเช่นนี้ถูกต้องตามตัวหนังสือ แต่ไม่ถูกต้องในเชิงหลักคิดสำหรับโครงการใหญ่พิเศษแบบสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะมีผลกระทบทางลบในทั้ง 3 มิติของ SD อย่างมากมาย
กฎหมายไม่ได้บังคับให้ทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ ถ้ากฎของสังคมบอกให้ต้องทำรัฐบาลก็ควรต้องทำ
ใยต้องเร่งด่วน รอไม่ได้
โครงการขนาดเล็กทางธุรกิจ เช่น ศูนย์การค้าเล็กๆ หากเป็นภาคเอกชนเขาจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบเป็นปีๆว่าควรเริ่มอย่างไรและคุ้มหรือไม่ แต่นั่นเป็นเรื่องของเอกชน หากเขาขาดทุนและเสียหายทางธุรกิจก็เป็นเรื่องของเขา
แต่นี่เป็นเรื่องของประเทศ โครงการนี้รัฐบาลผุดไอเดียนี้ขึ้นมาเพียงแค่ขวบปี โดยไม่มีการศึกษาแบบ SEA ที่พูดถึงข้างต้นอย่างรอบคอบ ข้อมูลผลกระทบทั้ง 3 ด้านจึงยังไม่มี แล้วใยจะมาทำโครงการนี้อย่างเร่งด่วนแบบรอไม่ได้
ในกระบวนการ SEA มาตรฐาน การรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคีเป็นข้อกำหนดที่ต้องทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังจนโครงการดำเนินการต่อได้อย่างล่าช้าจนผลประโยชน์ต่อค่าใช้จ่ายหรือ Benefit / Cost ratio ลดต่ำลงจนโครงการไม่คุ้มทุนหรือไปต่อไม่ได้
ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นผลเสียต่อประเทศจะมีมากมายมหาศาล เกินกว่าที่รัฐบาลคนต้นคิดจะรับผิดชอบได้
(บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตน มิใช่ของหน่วยงานที่สังกัด)