'ลุงเจ้าป่า' กับ 'คำสัญญาที่เขาใหญ่'
ลุงพี่ใหญ่ ยังคงเปิดบ้านในป่า แว่วเสียงว่า “เรามี สส.เกินร้อย เรามีฝากอยู่หลายพรรค แต่ละพรรคหลักสิบคน” ลุงบ้านในป่ามีลุ้น และ สส.พลังประชารัฐ “ปีกหนุนลุง” ก็กำลังลุ้นกันตัวโก่ง
KEY
POINTS
- ลุงน้องเล็ก ยังรับรู้ และกำหนดเกมบางอย่างผ่าน “สว.สายสีน้ำเงิน” เพราะมี สว.สายตรงลุง นั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญด้วย และลุงน้องเล็ก ก็แตะมือกับแกนนำค่ายสีน้ำเงินอย่างแนบแน่น
-
ลุงพี่ใหญ่ ยังคงเปิดบ้านในป่า ต้อนรับ สส.เหว่ว้า ทั้งอยากย้ายพรรคเพราะความอึดอัด และเสี่ยงถูกยุบพรรคเพราะคดีเกี่ยวโยงกับสถาบัน
-
แว่วเสียงจากบ้านในป่า “เรามี สส.เกินร้อย” “เรามีฝากอยู่หลายพรรค แต่ละพรรคหลักสิบคน”
หน้าฉากการเมืองเดือนสิงหาคม พ.ศ.นี้ มี 3 ความเคลื่อนไหวสำคัญ และอาจเป็น “จุดเปลี่ยนเกม” ได้เหมือนกัน กล่าวคือ
7 สิงหาคม คดียุบพรรคก้าวไกล ผลมี 2 ทางเท่านั้น คือ ยุบหรือไม่ยุบ ไม่มีเจ๊า
14 สิงหาคม คดีสอยนายกฯเศรษฐา ผลมี 2 ทางเช่นกัน คือ หลุดเก้าอี้ หรือรอด
และกำหนดการที่ไม่ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่รู้กันวงในก็คือ อดีตนายกฯทักษิณ จะอินชาร์จงานเต็มตัว ทั้งในส่วนของนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
น่าจะถือฤกษ์ “ดีเดย์” กันตั้งแต่ 1 สิงหาคม หลังจากมีข่าวดีก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม
วันที่ 1 สิงหาคม ยังเป็นวันเริ่มเปิดลงทะเบียน “ดิจิทัล วอลเล็ต” ในส่วนของประชาชนที่มีสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งโครงการนี้เป็นมหากาพย์ของพรรคเพื่อไทยที่เดิมพันเอาไว้ ไม่มี..ไม่ได้
ทั้งหมดคือ “หน้าฉาก” กับอีเวนต์ที่คอการเมืองเฝ้ารอว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่หลังฉากเขาคาดการณ์กันหมดแล้วว่าเดือนสิงหาคมจะเกิดอะไร
7 สิงหาคม พรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบ เรื่องนี้ทั้งแกนนำพรรคและผู้นำจิตวิญญาณทราบหมดแล้ว เตรียมแผนรองรับ-แผนโต้กลับเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ “โลกล้อมไทย”
มีความเคลื่อนไหวในเวทียูเอ็น อาจเป็นตัวแทนรัฐบาล หรือองค์กรระหว่างประเทศ แสดงจุดยืนประท้วงไทย หากการยุบพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริงๆ
แม้แถลงการณ์ หรือท่าทีที่แสดงออกมา อาจเป็นในนามส่วนตัว แต่เมื่อบุคคลนั้นเป็นผู้แทนรัฐบาลชาติสมาชิก หรือองค์กรสมาชิกยูเอ็น ย่อมมีน้ำหนักในเวทีนานาชาติพอสมควร และอาจกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนจากบางประเทศได้เหมือนกัน
ที่แน่ๆ คือน่าจะส่งผลกระทบต่อไทย กรณีที่ได้เสนอตัวเป็นกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC เพราะคดียุบพรรคก้าวไกลโยงประเด็น 112 ด้วย จึงมีความอ่อนไหวในสายตาต่างประเทศ
แต่ยุทธศาสตร์ “โลกล้อมไทย” ใช้ไม่ได้กับประเทศนี้ รวมถึงกลุ่มอนุรักษนิยม ฉะนั้นจึงคาดหมายว่า ผลคดีคงไม่มีอะไรเปลี่ยน กอปรกับข้อกล่าวหาในคำร้องเชื่อมโยงกับคดีล้มล้างการปกครอง จึงยากที่จะมีเซอร์ไพรส์
ส่วนเหตุผลเชิงรัฐศาสตร์การเมือง ประเภทความจำเป็นต้องเก็บพรรคก้าวไกลเอาไว้เพื่อถ่วงดุลเพื่อไทย ดูแล้วเป็นประเด็นที่ไม่ค่อยเดียงสานัก
เพราะเป้าหมายของการยุบพรรค คนกำหนดเกมเขารู้อยู่แล้วว่า หยุดแนวทางของกลุ่มการเมืองนี้ไม่ได้ แต่ยุบเพื่อกวาดแกนนำที่มีพลัง มีที่มีความป็อปปูลาร์ ไปอยู่แถวหลัง โดยใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นดาบ 1 และมติ ป.ป.ช.เรื่องจริยธรรมเป็นดาบ 2
หากรัฐธรรมนูญปี 60 แก้ยาก หรือแก้ไม่ได้ เพราะมี สว.สายสีน้ำเงินค้ำอยู่ แกนนำที่มีพลังเหล่านี้ก็จะถูกตรึงไว้แถวหลังตลอดไป หรือนานจนหมดพลัง
ถัดจากนั้น 14 สิงหาคม ประเมินกันว่านายกฯเศรษฐาน่าจะรอด วันรุ่งขึ้นก็มีงานใหญ่รอทันที คือ ผู้บัญชาการเหล่าทัพส่งโผทหาร
ปักษ์หลังของเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายน เป็นห้วงเวลาของแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ และกระทรวง ทบวง กรม
“กองทัพ” มีเรื่องของ ตท.24 ที่มีโอกาสผงาดเป็น “ผบ.เหล่าทัพ” พร้อมกันยกแผง ฝ่ายการเมืองอย่างเพื่อไทยจะทำใจรับได้หรือไม่
ส่วนกระทรวงใหญ่อย่างมหาดไทย มีเปลี่ยนตัวปลัด ซึ่งว่ากันว่าวางตัวแคนดิเดตเอาไว้เรียบร้อย หลังจากโชว์ผลงานตามเป้าเรื่อง “สว.สายสีน้ำเงิน”
ตุลาคมถึงคิวแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ในยุคที่วงการสีกากีอ่อนแออ่อนไหวอย่างยิ่ง
ข่าวว่าภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. จะมีมติออกมา และไม่เป็นคุณกับ “บิ๊กโจ๊ก” คดีก็จะไปสู่ศาลปกครองสูงสุด แต่การแต่งตั้งโยกย้ายจะเลยข้าม “บิ๊กโจ๊กไป”
ไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีปรับ ครม.ใหญ่ อาจมีเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาล
ทุกอย่างดูเข้าทาง เส้นทางสายอำนาจของเพื่อไทยไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค หนำซ้ำช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา อดีตนายกฯทักษิณ ยังไปพบปะกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคร่วมฯอันดับ 2 อย่าง “เสี่ยหนู ภูมิใจไทย” รวมถึง คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ประธานพรรคชาติพัฒนา บ้านใหญ่โคราช โดยมีรัฐมนตรี และ สส.ของเพื่อไทยแห่แหนกันไปหลายคน เป็นดาวล้อมเดือน
ไฮไลต์สำคัญยังมี “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี แห่ง กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ร่วมก๊วนกอล์ฟด้วย
กลายเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่อง “ปญิญญาเขาใหญ่” เคลียร์ทางการกลับมาอินชาร์จเต็มรูปแบบของอดีตนายกฯทักษิณ
เคลียร์ปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทย จากปัญหา “ดึงกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด”
ข่าวว่าการพูดคุยเจรจา ยาวไปถึงขั้น “แบ่งสภากันดูแล” เพื่อไทยรับผิดชอบรัฐบาล และ “สภาล่าง” ส่วนภูมิใจไทยรับผิดชอบ “สภาบน”
เรื่องราวน่าจะจบด้วยภาพแห่งความสุข หรือ “แฮปปี้เอนดิ้ง” กันเพียงเท่านี้ คนไทยก็รอรับเงินหมื่น นำไปใช้สอยตามร้านสะดวกซื้อ เติมเงินให้เจ้าสัวอย่างสนุกมือกันไป
แต่จู่ๆ ก็มีภาพ “ลุงเจ้าป่า” ซึ่งหมายถึง “พี่น้อง 2 ป. จาก 3 ป.” ซึ่งยังมีบทบาททางการเมืองอยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ และถูกนำมาขยายความอย่างกว้างขวาง
ลุงสองคนไม่ได้อยู่บ้านในป่าทั้งคู่ คือมีคนเดียวที่อยู่ “บ้านป่า” แต่ทั้งสองยังมีสถานะไม่ต่าง “เจ้าป่า” และแม้จะเงียบหายจากหน้าสื่อ แต่ก็ยังมีข่าวอยู่เนืองๆ
ลุงน้องเล็ก - มีประชาชนบ่นคิดถึง (มีเพลงใหม่ในติ๊กต็อก คิดถึงลุงตู่)
ลุงพี่ใหญ่ - เพิ่งจัดอีเวนต์รับ “อดีต สส.วัน อยู่บำรุง” เข้าพลังประชารัฐ แถมโชว์ความฟิต เตรียมเดินทางไปฝรั่งเศส ให้กำลังใจนักกีฬาไทยในการแข่งขันโอลิมปิก
ยังกระฉับกระเฉง ทำงานได้ ไปเมืองนอกได้ นั่งเครื่องบินนานๆ ได้ ก็น่าจะยังเป็นผู้นำประเทศได้สิน่า...
ฉะนั้นท่ามกลางภาพความชื่นมื่นของ “คำสัญญาที่เขาใหญ่” ก็มีแว่วเสียงคำรามเบาๆ จากเครือข่ายของ “ลุงเจ้าป่า” ซึ่งมีทั้งของจริง และมีทั้งไอโอ
1.ลุงน้องเล็ก ยังรับรู้ และกำหนดเกมบางอย่างผ่าน “สว.สายสีน้ำเงิน” เพราะมี สว.สายตรงลุง นั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญด้วย และลุงน้องเล็ก ก็แตะมือกับแกนนำค่ายสีน้ำเงินอย่างแนบแน่น
2.ลุงพี่ใหญ่ ยังคงเปิดบ้านในป่า ต้อนรับ สส.เหว่ว้า ทั้งอยากย้ายพรรคเพราะความอึดอัด และเสี่ยงถูกยุบพรรคเพราะคดีเกี่ยวโยงกับสถาบัน
แว่วเสียงจากบ้านในป่า “เรามี สส.เกินร้อย” “เรามีฝากอยู่หลายพรรค แต่ละพรรคหลักสิบคน”
จุดเปลี่ยนเกมคือ คดียุบก้าวไกล เกิดก่อนคดีสอยนายกฯเศรษฐา เพราะเมื่อก้าวไกลถูกยุบ กระบวนการช้อน สส.ก็จะเกิดขึ้น
ถัดจากนั้น 7 วัน ถ้านายกฯเศรษฐาถูกสอย...งานนี้มีหวัง “ช้อยเก็บฉาก”
ลุงบ้านในป่ามีลุ้น และ สส.พลังประชารัฐ “ปีกหนุนลุง” ก็กำลังลุ้นกันตัวโก่ง
อะไรที่คิดว่าแน่ๆ ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าจะแน่ตามนั้น ไม่อย่างนั้นคนระดับอดีตนายกฯผู้เกรียงไกร คงไม่เล่นบทเพลย์เซฟเคลียร์ใจ “พรรคอันดับ 2” ถึงรีสอร์ตหรูเขาใหญ่
ยิ่ง “เสี่ยหนู” ออกมาบอกว่าอดีตนายกฯไม่ได้ไปพักที่รีสอร์ต แค่แวะไปตีกอล์ฟ เพราะมีที่พักของครอบครัวอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เห็นความสำคัญ และชี้ชัดว่านาทีนี้ “เสี่ยหนู” ไม่ธรรมดา
ลองไปหาฟังลีลาการตอบ เมื่อถูกนักข่าวถามว่า ตีกอล์ฟกับอดีตนายกฯแล้วใครแพ้ ใครชนะ ก็จะพอมองเห็นนัยทางการเมือง