ต้อนรับ ครม.แพทองธารบริหารด้วยพลังบวก
วันนี้ (6 ก.ย.) ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของการเมืองไทย เวลา 17.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณใน เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
ขั้นตอนต่อจากนี้คือการแถลงนโยบายต่อสภาซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการแถลงนโยบายต่อสภาจะมีขึ้นไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.นี้ เรียกได้ว่าความชัดเจนเกิดขึ้นทุกขณะ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะนักลงทุน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5 ก.ย. 2567) ภาพรวมเป็นบวกอย่างชัดเจน โดยภาคเช้าบวกมากกว่า 20 จุด และยังแรงต่อในภาคบ่าย ณ เวลา 15:30 น. อยู่ที่ 1,405.34 จุด บวก 39.85 จุด หรือ เปลี่ยนแปลง 2.92% จากวันทำการก่อนหน้ามูลค่าซื้อขายกลับมาสูงถึง 65,493.24 ล้านบาท
ถือเป็นการปรับขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุด อีกครั้งนับแต่ หลังกลางเดือน เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ย้ำว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมาจากประเด็นความคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ที่คาดว่าจะเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดจากนี้
ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง การเมืองชัดเจนก็มีผล ซึ่งคำพูดของ รมว.คลังก็ไม่ผิด ช่วงที่ผ่านมาหุ้นไทยร่วงลงมาก หากดูการเมืองจะเห็นความไม่แน่นอนหลายอย่าง ดูง่ายๆ การเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.ปีก่อน กว่าจะได้รัฐบาลใหม่ทำงานได้ต้องรอถึงสามเดือน ส่วนในสภากว่างบประมาณจะออกก็ล่าช้าไปหลายเดือน ส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทบไปถึงเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน บริหารงานไปได้ไม่กี่เดือน ก็มีเรื่องถึงโรงถึงศาล ยิ่งใกล้วันตัดสินว่านายกฯ จะอยู่หรือไป ยิ่งสะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของต่างชาติว่าการเมืองไทยจะเอายังไงกันแน่ โชคดีที่รอบนี้แม้เปลี่ยนตัวนายกฯ แต่การเมืองไม่ตกอยู่ในสุญญากาศ หาตัวนายกฯ คนใหม่ได้อย่างรวดเร็วพรรคร่วมรัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลง เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ บรรยากาศตลาดหุ้นอาจเป็นแค่ภาพชั่วขณะของจริงต้องดูกันยาวๆ
หลังจากเย็นวันนี้รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร สามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ แม้มีข้อครหา “ครม.ครอบครัว” แต่นายกฯ ยืนยัน “ความเป็นครอบครัวไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า ที่ทำให้เห็นว่าเคยมีบุคคลหนึ่งทำงานเพื่อประเทศชาติแบบนี้ ทำให้อีกคนหนึ่งในครอบครัวมีแรงผลักดันให้ทำเช่นนี้” เรียกได้ว่าเป็นการตอบคำถามโดยใช้พลังบวก ก็ขอให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยพลังบวก หลังจากติดหล่มกับพลังลบมานานแล้ว