“3 ป.”ผนึก ก่อนถูกยึดพรรค ผุดพิมพ์เขียว รีโนเวท “พปชร.”

“3 ป.”ผนึก ก่อนถูกยึดพรรค  ผุดพิมพ์เขียว รีโนเวท “พปชร.”

ครั้งนี้ ดูเหมือน "พล.อ.ประวิตร" ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากจะทัดทาน เมื่อหลายปัจจัยกดดันให้ต้องปล่อยมือ เลิกอุ้ม "ธรรมนัส" เพราะรู้ดีว่า ถ้า "พล.อ.ประยุทธ์" อยู่ไม่ได้ ตัวเองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งสำคัญ ด้วยปัจจัยและเงื่อนไขที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ยังคาอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ย่อมเป็นความไม่มั่นคงในฐานอำนาจของ “3 ป.

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรียก 6 รัฐมนตรี ของพลังประชารัฐ ขึ้นไปคุยบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ หลังการประชุมครม. เมื่อ 25 ต.ค. ที่ผ่านมาประเด็นสำคัญของการหารือของแกนนำระดับวีไอพี เริ่มเปิดหัวด้วยความกังวลของพล.อ.ประยุทธ์ ถึงการประชุมสภาสมัยสามัญ ที่กำลังจะเปิดขึ้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้

มีการคุยกันถึงเรื่องตัวบุคคล และการทำงานในวิปรัฐบาล กฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่เตรียมเข้านำพิจารณา รวมถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2566 ที่นายกฯ ห่วงว่าจะสะดุด

เรื่องจึงลามมาถึงการคุยปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในสภาฯอย่างแยกกันไม่ออก ในเมื่อแกนนำกลุ่มก๊วนขาใหญ่ ยังคงมีบทบาทไม่น่าไว้วางใจ

บรรยากาศภายในพรรคนับตั้งแต่ “ธรรมนัส” ถูกปลดพ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.ส่วนใหญ่ต่างอยู่ในอาการอึดอัด เพราะรู้ดีว่า การมีอยู่ของบางขั้วอำนาจในพรรค ไม่สามารถขับเคลื่อนพรรคสู้เลือกตั้งได้อย่างแท้จริง

หลายคนจึงรอให้เกิดการล้างไพ่ จัดวางตัวบุคคลกันใหม่ และตอนนี้ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้วเกมล่าชื่อกรรมการบริหารพรรคให้ลาออก เกินกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 26 คน กำลังดำเนินไปท่ามกลางแรงฮึดสู้ของคนใน “กลุ่มธรรมนัส” ที่พยายามล็อบบี้เพื่อยื้อสถานะตัวเองให้นานที่สุด

ถึงอย่างนั้น หากการล่าชื่อไม่เป็นตามเป้า ก็ยังมีแนวทางเซ็ตซีโร่ เลือกกันใหม่ ด้วยการให้ พล.อ.ประวิตร ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งจะส่งผลให้กรรมการบริหารทั้งหมดต้องพ้นตำแหน่งไปโดยปริยาย

ครั้งนี้ ดูเหมือน พล.อ.ประวิตร ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากจะทัดทาน เมื่อหลายปัจจัยกดดันให้ต้องปล่อยมือ เลิกอุ้ม ธรรมนัส เพราะรู้ดีว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไม่ได้ ตัวเองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

สถานการณ์ในพรรคช่วงที่ผ่านมา เผชิญภาวะสับสนอลหม่าน จากการเดินเกมของก๊วนขาใหญ่จน ส.ส.หลายคนไม่สบายใจกับท่าทีของ ธรรมนัส ตั้งแต่ถูกปลดพ้นรัฐมนตรีที่เปลี่ยนไปชัดเจนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเมื่อตอนรับตำแหน่งเลขาฯพรรค ใหม่ๆ ที่ประกาศจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนเดิม แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อ “ธรรมนัส” เจอคำถามเดิม กลับบ่ายเบี่ยงโยนให้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องการทำโพลล์วัดเรทติ้ง ส.ส.ของพรรค ที่สร้างความกังขาอย่างหนักให้กับส.ส. เพราะเกรงว่าจะมีธง ใช้เป็นข้ออ้างจัดการคนที่เป็นปฏิปักษ์ ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งต่อไป

ขณะเดียวกัน บรรดาขาใหญ่ที่รายล้อม พล.อ.ประวิตร ยังได้ไปแจ้งส.ส.กทม.ของพรรคว่า ไม่ต้องไปสนับสนุน “บิ๊ก ป.” ที่เตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนเกิดความสับสนวุ่นวายว่าเกิดอะไรขึ้น

กระทั่ง พล.อ.ประวิตร ต้องออกมายืนยันชัดเจนกับลูกพรรคว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทำให้ส.ส.หลายคนจึงมีคำถามถึงการเดินเกมของขาใหญ่ว่า มีเจตนาอย่างไรกันแน่ ถึงได้แปลงสารจนพรรคปั่นป่วนอย่างหนัก ซึ่งเรื่องทำนองนี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

จุดนี้ จึงเป็นอีกเหตุผลให้ ส.ส.จำนวนหนึ่ง ไม่ยอมรับในตัวกลุ่มก๊วนขาใหญ่ และมองว่าภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยข้อครหา จะยิ่งฉุดคะแนนนิยมของพรรค และตัวผู้สมัคร ส.ส.

เรื่องนี้ “3 ป.” และบรรดากุนซือรอบตัวรู้ดีว่า ขืนปล่อยให้พรรคเละเทะแบบนี้ต่อไป จะส่งผลสะเทือนฐานอำนาจอย่างใหญ่หลวง

จึงถึงเวลาที่ผู้มีอำนาจต้องเข้ามาจัดการปัญหาความวุ่นวายภายในพรรคให้จบ 

ล่าสุด พิมพ์เขียวเรื่องการจัดสัดส่วนในพรรค ถูกร่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าการจะทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง จำเป็นต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

เมื่อ 3 ป.จำเป็นต้องกอดคอไปกันต่อ ภารกิจสำคัญในเวลานี้ จึงต้องขจัดภัยความมั่นคงภายในเร่งถอนรากถอนโคน"หัวขบวนก๊วนขาใหญ่" ที่จ้องโค่น “ป.ประยุทธ์” ที่สำคัญเพื่อเป็นการตัดตอน ก่อนจะลามไปถึงขั้นถูกยึดพรรค