สมองเสื่อมชีวิตเสื่อม
โรคความจำเสื่อมและสมองเสื่อมนั้นเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทั่วโลก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ส่อแวววุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นความพร้อมของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่อายุเกินกว่า 80 ปีและเริ่มมีสัญญาณของการเป็นโรคสมองเสื่อมให้เห็นบ้างแล้ว
ประเด็นดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ซึ่งไม่ใช่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้นำโลกเสรีในยุคปัจจุบัน แต่ทั้งโรคความจำเสื่อมและสมองเสื่อมนั้นเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุทั่วโลก ไม่จำกัดว่าอยู่ในประเทศไหน เพราะแนวโน้มอัตราส่วนประชากรสูงวัยก็เพิ่มขึ้นในทุกประเทศทั้งนั้น
คนทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว และผู้สูงวัยในหลายประเทศรวมถึงบ้านเราก็เริ่มตระหนักในปัญหานี้จนถึงกับหากิจกรรมต่างๆ ให้กับเหล่าผู้สูงวัยที่เกษียณอายุจากงานประจำมาแล้วให้ได้ฝึกสมองกันอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอ หลายๆ คนก็เชื่อว่าตั้งวงเล่นไพ่กับเพื่อน ๆ ทุกวันก็น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการสมองเสื่อมได้แล้ว แต่นั่นจะได้ผลจริงหรือ ?
ก่อนอื่นก็คงต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของร่างกายของเราเสียก่อน ซึ่งระบบการทำงานอันมหัศจรรย์ของเรานั้นเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะความต้องการพลังงานในแต่ละวันของเรานั้นจะกระตุ้นให้เราต้องหาอาหารมารับประทานให้เหมาะสม
มนุษย์ในยุคโบราณจึงต้องเคลื่อนไหวเพื่อหาอาหารให้ตัวเองได้บริโภคด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งล่าสัตว์ เพาะปลูก ฯลฯ ซึ่งล้วนต้องใช้กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ อย่างหนัก แต่ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว กล้ามเนื้อต่าง ๆ จึงถูกใช้งานน้อยลง เพราะร่างการต้องรักษาสมดุลการใช้พลังงาน จนเราต้องหาวิธี ออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ เพื่อชดเชย
ซึ่งไม่ใช่เพียงกล้ามเนื้อ แต่กระดูก ข้อต่อต่าง ๆ หัวใจ ฯลฯ ของเราก็ล้วนมีประสิทธิภาพลดลง เมื่อไม่มีการใช้งาน และหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ ก็จะนำมาสู่ภาวะถดถอยของร่างกาย ดังนั้นการตรวจร่างกายประจำปีจึงเป็นกิจกรรมสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่ามีส่วนใดในร่างกายเราบ้าง ที่เริ่มส่งสัญญาณของการเสื่อมถอย
และการเสื่อมถอยดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะกล้ามเนื้อ กระดูก หรือหัวใจ แต่เกิดขึ้นกับทุกส่วน โดยเฉพาะสมองที่ต้องการการกระตุ้นให้เกิดการใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งการคิด การแก้ปัญหาต่าง ๆ ล้วนกระตุ้นให้เซลล์สมองทำงานประสานกัน เป็นการใช้สมองให้ทำงานเช่นเดียวกับการออกกำลังกาย
สิ่งที่ต้องคิดต่อมา คือ กิจกรรมแบบใดที่ทำให้สมองทำงานได้อย่างจริงๆ จังๆ การล้อมวงเล่นไพ่เป็นประจำจะช่วยได้จริงไหมประเด็นนี้ก็ต้องมาวิเคราะห์กันต่อว่าการเล่นไพ่นั้นเราใช้การคิดหรือการคำนวณ อย่างจริงจัง หรือเป็นเพียงการเล่นไปตามความเคยชินไปวัน ๆ
เพราะกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่เราทำจนเป็นปกติธรรมดา หรือทำจนเป็นชีวิตประจำวันแล้ว เราจะแทบไม่ต้องใช้สมองคิดแต่อย่างใด เช่นการขับรถไปทำงาน เมื่อเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ๆ เราอาจต้องวางแผนการเดินทางมากมาย ต้องหาเส้นทางที่เหมาะสม หรือใช้กูเกิ้ลช่วยดูเส้นทางที่รถติดน้อยที่สุด ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการใช้สมองวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการหาเส้นทางต่าง ๆ อย่างหนักหน่วง
แต่เมื่อเราขับในเส้นทางนั้นเป็นประจำจนเคยชินแล้ว เราจะแทบไม่ต้องใช้สมองคิดเหมือนแต่ก่อน เพราะเราจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา กลับรถ ฯลฯ ไปตามถนนได้โดยอัตโนมัติด้วยความเคยชินที่ขับติดต่อกันมานานหลายเดือนหรือหลายปี
นั่นหมายความว่า อัตราการใช้สมองของเราในการขับรถไปทำงาน-กลับบ้านในช่วงแรก ๆ กับช่วงหลังที่คุ้นเคยกับเส้นทางแล้วนั้นแตกต่างกันมาก และผมเชื่อว่าการเล่นไพ่ก็อาจมีลักษณะคล้ายคลึงกัน นั่นคือเมื่อไรก็ตามที่เราเล่นมานานจนคุ้นเคยแล้วเราก็แทบจะไม่ต้องใช้ความคิดกับมันมากนัก แต่เป็นการเล่นแบบอัตโนมัติ เพราะร่างกายเราลดการประมวลผลเพื่อประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด
การเล่นไพ่จึงอาจไม่ตอบโจทย์อะไรมากนัก ยกเว้นว่าจะเปลี่ยนรูปแบบของไพ่ หรือเสริมด้วยกิจกรรมใหม่ๆ ให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ซึ่งยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากที่ช่วยให้สมองได้ทำงานอยู่เสมอและลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคสมองเสื่อมในอนาคต