AI ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์นะ อย่าเข้าใจผิด
Generative AI มีความสามารถมากกว่า AI เดิมอย่างมหาศาล ทว่าสิ่งใดก็ตามที่มีคุณอนันต์ก็มักมีโทษมหันต์ เป็นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์ที่ในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนร้ายปะปนกัน
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีคนคิดเรื่องพลังงานปรมาณูมาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ แต่ก็มีคนเอาความรู้นั้นไปทำระเบิดปรมาณูมาทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
มาในสมัยนี้สันดานดิบของคนก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือคนไม่ดีก็ยังเป็นคนไม่ดี เมื่อเร็วๆ นี้มีคนใช้ Generative AI เลียนเสียงครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่สหรัฐ พูดเหยียดหยามคนยิวและคนผิวสี คนฟังเสียงแล้วก็เชื่อว่าเป็นเสียงของครูใหญ่จริงๆ ทำให้ผู้คนในสังคมเกลียดถึงขนาดขู่ฆ่าครูใหญ่
สุดท้ายได้มีการสืบสวนจนพบว่าเสียงพูดนั้นไม่ใช่เสียงของครูใหญ่จริง แต่เป็นเสียงที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ถูกพักงานเนื่องจากนำเอาเงินของโรงเรียนไปใช้ผิดระเบียบ ทำเลียนขึ้น ลงท้ายก็ถูกจับดำเนินคดี...แต่ไม่ใช่ทุกคนหรือทุกครั้งที่เราจะโชคดีเช่นนั้น
เครื่องมือ Generative AI นี้นับวันยิ่งทำให้การใช้งานง่ายขึ้น จึงทำให้การผลิตภาพ เสียง หรือคลิปปลอมที่เรียกกันว่า deepfake นั้นคนที่ไม่มีความรู้มากนักก็สามารถทำขึ้นเอามาหลอกชาวบ้านได้ ทำให้เกิดความเสียหายได้ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดจริยธรรมและอันตราย
ถ้า deepfake ถูกผลิตออกมามากขึ้นๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติและเราถูกหลอกเป็นประจำ สุดท้ายเราจะมีแนวความคิดว่าเราจะไม่เชื่อและไม่ไว้วางใจใครก็ตาม หรือสื่อใดก็ตาม ที่เข้ามาสู่หูเราหรือตาเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงแล้วสังคมจะอยู่ได้อย่างไร จะติดต่อสัมพันธ์กันเป็นคู่รักหรือทำธุรกิจร่วมกันได้อย่างไร
ใช่แต่เท่านั้น คนไม่ดีพวกนั้นยังสามารถใช้ AI มาแฮ็กเอาข้อมูลประจำตัวเราไปใช้ เอามาฉ้อโกงหรือหลอกลวงเราหรือผู้อื่นให้ถอนเงินไปให้ fake news แบบการกระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั้นสามารถทำให้เกิดการบิดเบือนข้อมูล หรือแม้กระทั่งส่งเสริมสินค้าบางอย่างที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ไปจนถึงมีผลต่อการเลือกตั้งอย่างที่เกิดขึ้นแล้วที่สหรัฐและบางประเทศ
AI ไม่สามารถทำให้คนที่คิดไม่ดีกลับกลายเป็นคนคิดดีได้ เมื่อสิ่งไม่ดีพวกนั้นเกิดมากขึ้นก็จำเป็นอยู่เองที่หลายประเทศ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ นักกฎหมาย และนักสังคมทั่วโลกจะต้องหามาตรการอื่นมาบีบให้ผู้ผลิตสารหรือภาพหรือคลิปใดๆ ที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือนั้นต้องมีกรอบของจริยธรรมในการทำงาน รวมทั้งต้องสอนให้ AI ทำงานตามในกรอบจริยธรรมนั้นๆ ด้วย
แต่ AI จะทำงานแบบมีจริยธรรมได้นั้นจะใช้เพียงแค่ intelligence ที่แปลว่า “ความฉลาด” ไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ wisdom หรือ “ปัญญา” ซึ่งมีนัยสำคัญมากกว่าความฉลาดอย่างมากมาวิเคราะห์และกำกับ
เป็นที่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาไม่เกินปีโลกเราจะมีเครื่องมือใหม่ที่ถูกสอนให้ใช้ปัญญาเป็น จนมีผลสัมฤทธิ์ทางจริยธรรม มาแทน AI เครื่องมือนี้น่าจะมีชื่อเรียกว่า Artificial Wisdom หรือ AW
ถ้าเราแปลคำว่า intelligence แบบตรงๆ เราจะแปลว่า “ความฉลาด” มิใช่ “ปัญญา” ดังนั้น AI หรือ Artificial Intelligence จึงไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ เป็นได้แค่ “ความฉลาดประดิษฐ์” ต้องคำว่า Artificial Wisdom สิจึงจะเป็น “ปัญญาประดิษฐ์” ที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ไทยเราได้แปล Artificial Intelligence ว่าปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจากที่ได้อธิบายมา ย่อมสื่อความหมายไม่ถูกต้อง เราจึงน่าจะเปลี่ยนคำว่า AI ปัญญาประดิษฐ์เป็นความฉลาดประดิษฐ์ให้มันถูกต้องตั้งแต่ตอนนี้
เพื่อจะได้เตรียมการล่วงหน้าไว้สำหรับรับกับ AW หรือ Artificial Wisdom หรือปัญญาประดิษฐ์ตัวจริงที่ต้องมาแน่เสียตั้งแต่บัดนี้