ข้อพิพาทเรื่องข้าว ที่เข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO

ข้อพิพาทเรื่องข้าว ที่เข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO

ผู้เขียนนำเสนอกรณี ข้อพิพาทเรื่องข้าวระหว่างประเทศ ที่เข้าสู่กลไกระงับข้อพิพาทของ WTO ประเทศสมาชิกรวมทั้งไทย มีสิทธิขอให้มีการตัดสินข้อพิพาทโดยฝ่ายที่สาม หรือคณะผู้เจรจาที่ WTO แต่งตั้ง

   องค์การการค้าโลก WTO มีกลไกระงับข้อพิพาท โดยสรุปได้คือ เมื่อประเทศสมาชิกเชื่อว่ามีประเทศใดละเมิดข้อตกลงก็ยื่นคำขอหารือกับประเทศที่ละเมิดข้อตกลงนั้น

ประเทศที่ถูกขอหารือจะต้องตอบคำขอภายใน 10 วัน และจัดให้มีการหารือภายใน 30 วัน หากไม่มีการหารือภายใน 30 วัน หรือทั้งสองฝ่ายเห็นว่าไม่สามารถยุติข้อพิพาทกันได้ภายใน 60 วัน ประเทศสมาชิกที่ขอหารือ สามารถยื่นคำขอให้องค์การการค้าโลกแต่งตั้งคณะผู้เจรจา เพื่อพิจารณาข้อพิพาทแล้วสรุปผลการพิจารณาให้เสร็จภายใน6 เดือน

                          คู่กรณีที่ไม่พอใจผลการพิจารณาสามารถอุทธรณ์ต่อองค์การอุทธรณ์ได้ ผลการพิจารณาขององค์กรอุทธรณ์มีผลผูกผันคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ที่จะต้องปฏิบัติตามทันทีหรือภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

หากสมาชิกฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามผลการตัดสินเพิกเฉย สมาชิกที่ฟ้องร้องอาจขอให้มีการเจรจาขดเชยค่าเสียหาย ตามที่ตกลงกันกับอีกฝ่ายได้  และหากสมาชิกที่แพ้คดียังไม่มีการดำเนินการใดฯ สมาชิกอีกฝ่ายสามารถร้องขอเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อสมาชิกที่แพ้คดีดังกล่าวได้

ข้อพิพาทเรื่องข้าวที่เข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาท จากเว็บไซต์องค์การการค้าโลก

                         คดีที่ DS17 ประเทศไทยผู้ร้อง สหภาพยุโรปผู้ถูกกล่าวหา   ข้อเท็จจริงโดยสรุปคือ สืบเนื่องจากสภาและคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ออกกฎระเบียบในการในการคำนวณอากรขาเข้าข้าวหลายฉบับ

ซึ่งประเทศไทยเห็นว่าวิธีการคำนวณอากรนำเข้าข้าวตามกฎระเบียบดังกล่าวไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของแกทท์ และเอื้อประโยชน์ให้สิทธิเป็นพิเศษแก่การนำเข้าข้าวบาสมาติจากอินเดียและปากีสถานเป็นการเลือกปฏิบัติ

ประเทศไทยจึงยื่นคำร้องลงวันที่ 11ตุลาคม 2538 ขอให้มีการปรึกษาหารือระหว่างไทยและคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปในประเด็นดังกล่าวข้างต้นตามขั้นตอนของกฎระเบียบการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก   

ในกรณีเดียวกันนี้ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อุรุกวัย ก็ได้ยื่นคำร้องขอปรึกษาหารือกับสหภาพยุโรปในทำนองเดียวกับประเทศไทยด้วย ในส่วนคำร้องของไทยไม่ปรากฎข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งองค์คณะผู้เจรจา

การเพิกถอนคำร้องหรือการตกลงร่วมกัน ส่วนกรณีของสหรัฐอเมริกาและแคนนาดา มีข้อมูลได้ขอถอนคำร้องขอตั้งคณะผู้เจรจาในเวลาต่อมา แต่ปรากฏข่าวจากแหล่งอื่นว่า กรณีนี้คณะผู้พิจารณา พบว่า การออกกฎระเบียบของสหภาพยุโรปดังกล่าวไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลกที่เกี่ยวข้อง

                     คดีที่DS134 คดีระหว่างอินเดียผู้ร้อง และสหภาพยุโรปผู้ถูกกล่าวหา ข้อเท็จจริงโดยสรุปคือ อินเดียกล่าวหาสหภาพยุโรป กรณีออกกฎระเบียบเรื่องวิธีการคำนวณในการเรียกเก็บอากรขาเข้าของข้าวที่นำเข้า

ซึ่งมีผลเป็นการจำกัดผู้ส่งออกข้าวของอินเดีย และมีผลจำกัดการนำเข้าข้าวจากอินเดีย ฝ่าฝืนบทบัญญัติของแกทท์1944 และความตกลงลงเรื่องการประเมินราคาศุลกากรและความตกลงที่เกี่ยวข้องอีกหลายความตกลง 

ขอให้สหภาพยุโรปยกเลิกและเยียวยาความเสียหาย  แต่จากเว็บไซต์ ขององค์การค้าโลกไม่ปรากฎว่ามีการแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งคณะผู้เจรจา และที่เกี่ยวข้อง

คดีที่DS  334 สหรัฐอเมริกาผู้ร้อง ตุรกีผู้ถูกกล่าวหา ข้อเท็จจริงโดยสรุป คือ ตุรกีออกกฎระเบียบการนำเข้าข้าว ต้องได้รับใบอนุญาต แต่มีเงื่อนไขว่าจะออกใบอนุญาตให้นำเข้าข้าวที่เสียภาษีในอัตราที่ตุรกีผูกพันไว้ เฉพาะกรณีที่ผู้นำเข้าได้ซื้อข้าวในประเทศตามปริมาณที่กำหนดไว้

เป็นกฎระเบียบการนำเข้าไม่สอดคล้องกับความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลกหลายฉบับ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 สหรัฐอเมริกาจึงยื่นคำร้องขอปรึกษาหารือกับตุรกี 

ในที่สุดมีการตั้งคณะผู้เจรจา พิจารณากรณีนี้ โดยมีประเทศอื่นหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย แจ้งความจำนงขอสงวนสิทธิ์ในฐานะประเทศที่สามด้วย

วันที่21 กันยายน 2550 คณะผู้เจรจาเวียนผลการพิจารณาที่เห็นว่า การดำเนินการของตุรกีในการกำหนดกฎระเบียบการนำเข้าข้าวดังกล่าว เป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของแกทท์1994 

วันที่22 ตุลาคม 2550 องค์กรระงับข้อพิพาท ให้ความเห็นชอบรายงานผลการพิจารณาของคณะผู้เจรจา 

วันที่21ตุลาคม2551 ตุรกีรายงานต่ององค์กรระงับข้อพิพาท ว่าได้ปฏิบัติตามความเห็นและคำแนะนำขององค์กรระงับข้อพิพาทครบถ้วนแล้ว

                       การให้การอุดหนุนข้าวและข้าวสาลีของอินเดีย 

                       กรณีที่อินเดียให้การอุดหนุนแก่ชาวนาในการปลูกข้าวและข้าวสาลี ประเทศที่ปลูกและส่งออกข้าว นำโดยสหรัฐอเมริกา และมี ออสเตรเลีย แคนาดา ปรากกวัย และประเทศไทยสนับสนุน ได้ยื่นข้อโต้แย้ง ต่อคณะกรรมาธิการการเกษตร แห่งองค์การการค้าโลกว่า

การให้การอุดหุนขอองอินเดียมีปริมาณเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตตามที่ผูกพันไว้    ทำให้อินเดียสามารถส่งออกข้าวในราคาถูก   เป็นการบิดเบือนตลาดส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดโลก  มีผลให้ราคาข้าวที่ชาวนาในประเทศผู้ปลูกข้าวในสหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นที่จะได้รับตกต่ำลงด้วย 

เรื่องนี้ต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการเกษตรขององค์การการค้าโลกต่อไปว่าจะมีผลเป็นประการใด

                   การขึ้นภาษีนำเข้าข้าวของสหรัฐ

                    กรณีที่ประธานาธิบดี แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเป็นการตอบโต้ประเทศที่เห็นว่าเอาเปรียบสหรัฐ อาจมีการขึ้นภาษีนำเข้าข้าวจากประเทศไทยด้วย หากเป็นเช่นนั้นย่อมมีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐอเมริกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

และถ้าการขึ้นภาษีนำเข้าข้าวจากไทยเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก ก็ชอบที่ประเทศไทยจะใช้สิทธิ์ยื่นเรื่องต่ององค์การการค้าโลก ขอปรึกษาหารือกับสหรัฐอเมริกา ตามกระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก

ซึ่งจะทำให้มีช่องทางในการเจรจากับสหรัฐได้ หากสหรัฐตกลงให้มีการปรึกษาหารือ ไทยควรขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการส่งออกข้าวโดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐให้สนับสนุนข้อมูล

หรือหากเป็นไปได้เข้าร่วมในการปรึกษาหารือด้วยก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย.