‘ปัทมวรรณ สถาพร’ ขยับนั่งเก้าอี้แม่ทัพเคลื่อน 'กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย'
กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย กลุ่มบริษัทตัวแทนการลงทุนด้านสื่อในเครือดับบลิวพีพี ประกาศแต่งตั้ง "ปัทมวรรณ สถาพร" ขึ้นรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
สำหรับ "ปัทมวรรณ" เป็นที่รู้จักในนาม ซีอีโอ ของ มายด์แชร์ (ประเทศไทย) และเป็นผู้นำองค์กรที่ได้รับการยอมรับบนความสามารถที่หลากหลาย ทั้งในด้านการบริหารสายงานธุรกิจ และความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจสื่อและโฆษณา โดยในปี 2564 ที่ผ่านมามายด์แชร์ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่คว้า 2 รางวัลชนะเลิศในประเภทมีเดียเอเยนซี และดิจิทัลเอเจนซีจากงานประกาศรางวัล Agency of the Year ของ Campaign Asia ได้ภายในปีเดียวกัน
ในฐานะซีอีโอของกรุ๊ปเอ็ม "ปัทมวรรณ" จะเข้ามาบริหารและพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้าของเอเยนซีในเครือทั้งหมด ได้แก่ มายด์แชร์ มีเดียคอม เวฟเมคเกอร์ เอ็มซิกส์แอนด์พาร์ทเนอร์ และกลุ่มบริหารงานธุรกิจลูกค้าพิเศษอย่างทีมทศภาค รวมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทย
“จากประสบการณ์ทำงานที่มายด์แชร์ ประเทศไทยยาวนานกว่า16 ปี มีความมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างและสนับสนุนบุคลากรในกรุ๊ปเอ็มของเราให้เติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมสื่อ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรสื่อ เพื่อเป็นกลุ่มบริษัทสื่อโฆษณาที่ทำให้ชีวิตของคนและอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทยดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม การทำงานของ “ปัทมวรรณ” จะขึ้นตรงต่อ "ฮิมานชู เชคาร์" ที่ได้รับการปรับตำแหน่งขึ้นเป็น ซีอีโอ ของกลุ่มประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
ด้าน “ฮิมานชู” กล่าวว่า การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะมุ่งสร้างกลยุทธ์โดยรวมกลุ่มประเทศทั้ง 3 ภายใต้การบริหารร่วมกัน เพื่อช่วยสร้างเสริมศักยภาพทางการตลาด และขีดความสามารถทางเครือข่าย ผ่านการใช้ทรัพยากรข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาล รวมทั้งความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้าและพันธมิตรทั้งหมดได้
"ผมมีความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับคุณปัทมวรรณ ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และจะสามารถช่วยให้ธุรกิจของกรุ๊ปเอ็มได้รับการขับเคลื่อนไปสู่อนาคตอันสดใสได้อย่างไม่ต้องสงสัย"
กรุ๊ปเอ็ม มีพันธกิจในฐานะผู้นำการลงทุนด้านสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจใหม่ทั่วโลกที่เรียกว่า Responsible Investment Framework ซึ่งเป็นการใช้ 5 แนวคิดสำคัญอันได้แก่ Brand Safety (ความปลอดภัยของแบรนด์) Ethical Application of Data to Protect Consumers (การนำข้อมูลไปใช้อย่างมีจริยธรรมเพื่อปกป้องผู้บริโภค) , Diversity and Inclusion (การทำงานร่วมกันบนความหลากหลาย) , Responsible Journalism (จรรยาบรรณการใช้สื่อ) และ Reducing Carbon Emissions Across the Media Supply Chain (การลดการปล่อยคาร์บอนบนการใช้สื่อ)