‘นีโอ’ ดันทัพสินค้าอุปโภคบริโภคโตสวนตลาด ‘ดีนี่’ รั้งเบอร์ 1 รอบ 12 ปี
"ผลิตภัณฑ์ดีนี่" ทำเงินให้ นีโอ คอร์ปอเรทราว 30% ในปี 2564 แบรนด์ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งใหญ่ รั้ง "เบอร์ 1" ตลาดสินค้าเด็ก มีส่วนแบ่งตลาดสินค้าทุกหมวดเกิน 70% ภารกิจจากนี้ไป คือการรักษาแชมป์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อหนุนให้ภาพรวมบริษัทแกร่งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค
“นีโอ คอร์ปอเรท” หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของเมืองไทย มีสินค้าหลากหลาย 8 แบรนด์ ในพอร์ตโฟลิโอเพื่อตอบสนองผู้บริโภคชาวไทยมานานถึง 33 ปี เช่น ไฟน์ไลน์ ดีนี่ ทรอส บีไนซ์ และโทมิ
กว่า 2 ปีที่บริษัททำตลาดฝ่าวิกฤติโรคโควิด-19 ระบาด แต่สร้างยอดขายเติบได้ 16% และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแบรนด์ “ดีนี่”(D-nee) หนึ่งในแบรนด์สำคัญของบริษัทสามารถสร้างผลงานการเติบโตอย่างโดดเด่น ครองใจคุณแม่นับล้าน จนก้าวเป็น “ผู้นำ” มีส่วนแบ่งตลาด 26% เพิ่มจาก 23% เป็นความสำเร็จน่าพอใจท่ามกลางปัจจัยลบรายล้อม
สุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ฉายภาพการขับเคลื่อนธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคจนสร้างการเติบโตมาตลอด หัวใจสำคัญคือการผลิตสินค้าคุณภาพตอบสนองผู้บริโภค รวมถึงการมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องมากถึง 180 วัน จากทั้งปีมี 365 วัน
ทั้งนี้ การผลิตสินค้า รวมถึงการทำตลาด อดีตอาจใช้ความเชื่อมั่น ความรู้สึกของตนเองเป็นหลัก หรือ Gut feeling แต่หากแบรนด์ทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ ฟังเสียงกลุ่มเป้าหมาย จะรู้ความต้องการที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงตลอด ประกอบกับช่วงโควิด-19 ระบาด บริษัทมีสินค้าทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ฯ สร้างแบรนด์ต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายโตได้ดี
“เราทำวิจัยสินค้าตลอด ทำอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นผู้นำตลาด ผู้เล่นรอง หรือเป็นผู้เล่นใหม่ ถ้าสินค้าไม่เจ๋ง เทสต์แล้วไม่ชนะในตลาด จะไม่ออกมา ต้องทำจนกว่าจะชนะ”
นอกจากนี้ การรุกขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เช่น ออนไลน์ เป็นอีกปัจจัยโต อย่างแบรนด์ “ดีนี่” ขายดีมาก ยิ่งสินค้าขนาดใหญ่ บรรจุแกลลอน พ่อแม่เริ่มซื้อออนไลน์มากขึ้น แทนการไปช้อปหน้าร้าน ห้างค้าปลีก เพราะมีน้ำหนักมาก
“เราทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมานาน พอจะเข้าใจว่าอะไรคือความต้องการของลูกค้าจริงๆ ช่วงโควิดภาพรวมยอดขายบริษัทจึงเติบโต 16% ส่วนออนไลน์เราเติบโต 200-300%”
“ดีนี่” ขึ้นแชมป์ในไทย ทำยอดขายสัดส่วน 30% เป้าหมายถัดไป “นีโอฯ” มอง “อาเซียน” โดยเฉพาะเวียดนาม เป็นตลาดใหญ่และสินค้าบางรายการสร้างยอดขายโต 2 เท่าตัวเทียบตลาดไทยด้วย
ศิริสุภา อาจสัญจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก “ดีนี่” ทำตลาดมา 12 ปี เริ่มจากของใช้ในครัวเรือน เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯ และขยับเข้าสู่ของใช้ส่วนบุคคล ซึ่งสนามแข่งเต็มไปด้วยบิ๊กแบรนด์ระดับโลก แบรนด์จากองค์กรร้อยปี ฯ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “ดีนี่” เป็นผู้นำ คือการชูจุดแข็งสินค้าออร์แกนิก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น จากจับกลุ่มเด็กแรกเกิด(Baby) ไปสู่เด็กที่โตขึ้นตามวัยของลูกน้อย มีสินค้าเด่น เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น สำหรับเด็กแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในตลาด มีแป้ง โลชั่น ฯลฯ เจาะวัย Preteen หรือช่วงก่อนเข้าวัยรุ่น ฯ รวมถึงการสื่อสารการตลาดแบบจัดเต็ม เข้าถึงทุก touch point และเส้นทางการซื้อของคุณแม่ เป็นต้น
“ 5 ปีก่อนความสำเร็จครั้งแรกเกิดจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก ตามด้วยผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างขวดนม ซึ่งดีนี่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเกิน 70% ทุกหมวดหมู่ ผลตอบรับที่ดีขึ้น ยังทำให้ภาพรวมดีนี่เป็นที่ 1 สินค้าเด็กในปี 2564”
การเป็นที่ 1 ว่ายาก แต่รักษาแชมป์ยากกว่า จึงวาง 3 กลยุทธ์รั้งบัลลังก์ “ดีนี่” ทั้งผลิตสินค้าคุณภาพ ขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออนไลน์ ร้านค้าใหม่ๆ การทำตลาดที่ปี 2565 ใช้พรีเซ็นเตอร์ 2 ครอบครัวเป็นครั้งแรก อย่าง “มิว นิษฐา - เซนต์ ธราภุช คูหาเปรมกิจ และ “น้องมาริน เป็นพรีเซนเตอร์ ควบคู่ “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ -มาร์กี้” ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ และ น้องมิก้า-มิญ่า เป็นตัวแทนของครอบครัวดีนี่
สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าเด็กมีมูลค่า 5,200 ล้านบาท ปี 2564 หดตัว 10% โดยสินค้ากลุ่มใหญ่สุดคือเครื่องใช้ส่วนบุคคลมีสัดส่วนราว 76% เครื่องใช้ในครัวเรือน 24% โดยแบรนด์ดีนี่ มียอดขายเติบโต 1% มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวม 26% เพิ่มจาก 23% แบ่งตามรายสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก 71% จาก 68% เป็นเบอร์ 1 ติดต่อกันปีที่ 4 ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก 78% จาก 71% เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันปีที่ 3 และกลุ่มผิวพรรณเติบโต มีส่วนแบ่งตลาด 13% เพิ่มจาก 11% เป็นต้น
ด้านเป้าหมายยอดขายปี 2565 บริษัทตั้งเป้าไว้ 3,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนปิดยอดขาย 2,900 ล้านบาท ส่วนแผนระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้าต้องการผลักดันให้ ดีนี่เป็นผู้นำตลาดสินค้าออร์แกนิกสำหรับเด็กทุกหมวดหมู่