ส่งออก มี.ค. มูลค่าพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี

ส่งออก มี.ค. มูลค่าพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี

พาณิชย์เผยส่งออกเดือน มี.ค. 2565 ขยายตัว 19.5% มูลค่า 28,859 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ไตรมาสแรกขยายตัว 14.9%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน มี.ค. ขยายตัว 19.5% มูลค่า 28,859 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่มีการจดสถิติในปี 2534  ส่วนการส่งออกไตรมาสแรก ขยายตัว 14.9% มูลค่า 73,601 ล้านดอลลาร์ 

ตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรกประกอบด้วย 1.สวิตเซอร์แลนด์  2,864.7% 2.เอเชียใต้ 36.4% 3.อาเซียน  34.8% 4.ตะวันออกกลาง  29.5% 5.สหรัฐฯ 21.5% 6.สหราชอาณาจักร  14.5% 7.เกาหลีใต้  14.5% 8.ไต้หวัน  9.4% 9.แคนาดา  9.2% 10.สหภาพยุโรป  6.9%  ส่วนสินค้าสำคัญ 3 หมวดประกอบด้วย1.สินค้าการเกษตร  3.3 สินค้าเกษตรสำคัญเช่น ข้าว 53.9% ไก่แปรรูป 6.6% มันสำปะหลัง 6.3% 2.สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม  27.7% เช่น น้ำมันพืช  350% โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม  768.3% น้ำตาลทราย  204.3% อาหารสัตว์เลี้ยง 15.5% เครื่องปรุงรส  9.7% อาหารทะเลกระป๋องและอาหารทะเลแปรรูป  2%  และ3.สินค้าอุตสาหกรรม 20.6% เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า  71.9% โทรสาร โทรศัพท์  37.9% อัญมณีและเครื่องประดับ  37.1% คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์  36.9% และสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน  15.5% แผงวงจรไฟฟ้า 11% เครื่องมือแพทย์ 10.6%

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับหนุนตัวเลขการส่งออก ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมผ่านนโยบายซอฟพาวเวอร์ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ผลักดัน 4 กลุ่มสินค้าสำคัญ คือ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงามและสินค้าที่มีจุดขายเป็นอัตลักษณ์ของไทย โดยในครึ่งปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยด้าน Soft Power ไปแล้วทั้งอบรมให้ความรู้และช่วยเหลือให้การส่งออกบรรลุผลจำนวน 1,878 ราย การจัดทำมาตรการเชิงรุกด้านการบริหารจัดการผลไม้ มีผลทำให้ตัวเลขการส่งออกในภาพรวมเป็นบวก  

2.ปัญหาการขาดแคลนตู้เริ่มคลี่คลาย การเจรจาการขนส่งทางอากาศ และมอบหมายให้ทูตพาณิชย์กับทูตเกษตร และกระทรวงการต่างประเทศประสานกับทางการจีน มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกที่ท่าเรือตอนใต้ของจีนอย่างน้อย 3 ท่า คล่องตัวขึ้นทำให้ตัวเลขการส่งออกทางเรือเพิ่มขึ้น และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ช่วยเจรจากับการท่าอากาศยาน สายการบินและผู้ส่งออก เจรจาเรื่องค่าขนส่งและการจองสายการบินซึ่งประสบความสำเร็จในช่วงที่ผลไม้เริ่มออกต้นปีที่ผ่านมา

3.การผลักดันการค้าชายแดนซึ่งได้เร่งรัดการเปิดด่านมาโดยตลอด ล่าสุดจะยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่น เป็นจุดผ่านแดนถาวรที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน คาดว่าจะมีส่วนช่วยทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทยเมียนมาเกิดขึ้นต่อไป

 

4. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต(Purchasing Managers Index หรือ PMI)ยังอยู่ในระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 โดยเฉพาะดัชนี PMI ของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป เกาหลีใต้ออสเตรเลีย อาเซียน ยังอยู่ในระดับ 50 โอกาสที่จะซื้อสินค้าจากประเทศไทยมีมากขึ้นตามไปด้วย

 5. อัตราค่าระวางเรือจากไทยไปยุโรป เริ่มลดลงในขณะที่บางเส้นทางไม่เพิ่มขึ้น จะเป็นตัวช่วยอีกตัวหนึ่ง และ6.ค่าเงินบาทอ่อนค่า มีส่วนช่วยทำให้การส่งออกการแข่งขันในตลาดโลกแข่งขันได้มากขึ้น

สำหรับสงครามรัสเซียและยูเครน โดยกระทบต่อการส่งออกไปรัสเซียทำให้การส่งออกลดลง 73 % ขณะที่ยูเครนส่งออกลดลง 66.3% ส่วนตลาดอื่นๆแม้ไม่กระทบโดยตรงก็กระทบทางอ้อม อย่างไรก็ตามหวังว่า สงครามนี้จะไม่ซ้ำเติมการส่งออกของไทยมากกว่านี้ รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้  ส่วนเป้าส่งออก 4-5 % .ในปีนี้ หากดูตัวเลขการส่งออกในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 14.9% ก็เชื่อว่าน่าจะเกินเป้า