CEYE เปิดเทรดวันแรก ราคาเหนือจอง 68 % อยู่ที่ 6.50บาท

CEYE  เปิดเทรดวันแรก ราคาเหนือจอง 68 % อยู่ที่ 6.50บาท

CEYE เปิดเทรดวันแรกราคาอยู่ที่ 6.50บาท เพิ่มขึ้น 2.64 บาท หรือ 68.39 % จากราคาไอพีโอที่ 3.86 บาท เตรียมนำเงินระดมทุนขยายธุรกิจวางรากฐานการเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)  หรือ CEYE มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น ในฐานะหุ้นครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณาชั้นนำ ที่มีบริการอย่างครบวงจร มีจุดแข็งในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหาร 30 ปี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในบริการผลิตภาพนิ่ง ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าแบรนด์ชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ

รวมทั้ง ได้ต่อยอดมายังบริการผลิตภาพเคลื่อนไหว และการบริหารสื่อออนไลน์ (Social Media Management) และผลิตสื่อออนไลน์ (Online Media) เพื่อสอดรับกับช่องทางการสื่อสารและโฆษณายุคใหม่ ทำให้ปัจจุบัน CEYE สามารถรองรับการผลิตคอนเทนต์โฆษณาให้ลูกค้าครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม

xจจุบันมีสตูดิโอให้เช่า 5 สตูดิโอ สำหรับกลุ่มลูกค้ามีทั้งเอเจนซีโฆษณาและเจ้าของผลิตภัณฑ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศในแถบเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน เป็นต้น สัดส่วนรายได้ในปี 2564 มาจากบริการผลิตภาพนิ่ง 50% บริการผลิตภาพเคลื่อนไหว 27% บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 12% การให้เช่าสตูดิโอ 4% และบริการอื่น 7%

 

ขณะที่ ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งแม้ในสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ มี D/E ณ สิ้นปี 2564 ในระดับต่ำเพียง 0.41 เท่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ CEYE มีศักยภาพในการขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ และมองว่า CEYE จะเป็นอีกหุ้นในใจสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทที่มีจุดแข็งและพร้อมเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวนประมาณ 255.25 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ไปใช้สำหรับวางรากฐานการเติบโตให้บริษัทฯ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งการลงทุนในอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ลงทุนในอุปกรณ์ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการขยายธุรกิจ ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เป็นต้นน้ำและปลายน้ำ ได้อย่างครบวงจร

 

 

รวมทั้ง การต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมข้างเคียง ได้แก่ กลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์ ซีรีส์ เป็นต้น และสร้างอีโคซิสเต็มในงานด้านครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการ เพื่อเตรียมพร้อมขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทย และรองรับงานต่างประเทศมากขึ้น

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่ต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19 โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 311.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 38.57 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานล่าสุด ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน